posttoday

บลจ.แอสเซท พลัส คาดแย่สุดหุ้นลงลึก 1,450 จุด

30 มกราคม 2563

แนะนำนักลงทุนตุนเงินสด รอจังหวะเข้าซื้อหุ้นช่วงตลาดตื่นตระหนก ชี้ช่องรวยมีหุ้นกลาง-เล็ก ให้ผลตอบแทน 30-50%

นายคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส กล่าวในงานเสวนาในงาน Asset Plus Investment Forum 2020 : ภาพรวมของตลาดและการลงทุนทั่วโลกในปี 2020 ว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกยังมีปัจจัยเสี่ยงจากไวรัสโคโรนาระบาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกอาจออกมาไม่ดีนักดังนั้นให้เป้าดัชนีหุ้นไทยปี 2563 แนวต้านที่ 1,600-1,650 จุด และแนวรับอยู่ที่ 1,450-1,500 จุด

"ประเมินดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวบวกลบอยู่ในกรอบ 1,500 จุด แต่ต้องติดตามว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาจะยืดเยื้อกินเวลาแค่ไหน และรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ " นายคมสัน กล่าว

สำหรับคำแนะนำการลงทุน แนะให้ถือเงินสดมากขึ้น และอาศัยจังหวะเข้าซื้อหุ้นในช่วงตลาดตื่นตระหนก (แพนิค) โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่ยังให้ผลตอบแทนสูง โดยมองหุ้นปันผลเด่น คือ กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) และกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความแน่นอน

นอกจากนี้ บลจ.แอสเซท พลัส ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก อย่าง กลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มเทคโนโลยี โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในระดับ 30-50% ส่วนการลงทุนในกองทุนรวมแนะนำกองทุนอสังหาฯ รีท และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในระดับ 5% ต่อปี ขึ้นไป ขณะที่ตลาดหุ้นโลกในปีนี้ มองว่ายังอยู่ในช่วงชะลอตัวในปลายวัฎจักร แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีการคลี่คลายของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ในขั้นแรก และทิศทางของการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) ที่อาจจะตกลงกันได้ภายในกำหนด จะหนุนให้ตลาดมีทิศทางฟื้นตัวต่อ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยที่รอการคลี่คลาย เช่น การตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ในขั้นถัดไป อีกทั้งในช่วงกลางปี ยังมีความเสี่ยงประเด็นการเลือกตั้งของสหรัฐฯ โดยแนวโน้มของตลาดหุ้นมีทิศทางอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มผันผวน และอาจสร้างผลตอบแทนที่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ฉะนั้น การลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวอาจส่งผลให้พอร์ตมีความเสี่ยงมากจนเกินไป ในขณะที่การกระจายการลงทุนในตราสารหนี้อย่างเดียวก็ส่งผลให้พอร์ตมีผลตอบแทนที่ต่ำ ดังนั้น บลจ.แอสเซท พลัส แนะนำให้นักลงทุนกระจายน้ำหนักไปยังสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน โดยลงทุนในกลุ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย (Yield Play) โดยเฉพาะในกลุ่มกองรีท เนื่องจากภาพรวมของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรค่อนข้างต่ำ และยังคงมีแนวโน้มที่จะต่ำในระยะสั้นถึงกลาง ทำให้สินทรัพย์ประเภทกองรีท ที่มักจะมีความผกผันกับอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในปีนี้

"เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่ามูลค่าของพื้นฐานของกองรีทแต่ละกลุ่มได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว และมีความน่าสนใจมากกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการจ่ายผลตอบแทนของสินทรัพย์อื่น ๆ ทั้งยังสามารถเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอีกด้วย"นายคมสัน กล่าว

ทั้งนี้ บลจ.แอสเซท พลัส ได้ออกกองทุนเปิดแอสเซทพลัส อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน เฟล็กซิเบิล (ASP-PROPIN) เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่สนใจกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในช่วงที่สภาวะตลาดผันผวน โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุน Fund of Funds ระดับความเสี่ยง 8 มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุน TH REITs, TH Infrastructure และ SG REITs รวมถึงลงทุนใน Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ที่ลงทุนในหุ้น Global Infrastructure ผ่านการคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม กองทุนดังกล่าวมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งกองทุน ASP-PROPIN มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ถึง 7 ก.พ.63