posttoday

จับตาหุ้นไทยทรุดต่อตามตลาดโลก

27 มิถุนายน 2559

นักวิเคราะห์มองหุ้นไทยรูดตามต่างประเทศ ต่างชาติปรับพอร์ตทั่วโลก แนะรอซื้อ 1,380 จุด “ทอง” ลุ้นนิวไฮเดิม 1,355 เหรียญสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองหุ้นไทยรูดตามต่างประเทศ ต่างชาติปรับพอร์ตทั่วโลก แนะรอซื้อ 1,380 จุด “ทอง” ลุ้นนิวไฮเดิม 1,355 เหรียญสหรัฐ

น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันที่ 27 มิ.ย.นี้ คาดว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย หลังจากดัชนีดาวโจนส์และตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับผลกระทบทางจิตวิทยา แม้
สหราชอาณาจักร (ยูเค) ออกจากสภาพยุโรป (เบร็กซิต) ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก

“เซนทิเมนต์ตลาดไม่ดี หุ้นทั่วโลกลงกันหมด ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังรอเวลาฟื้นตัว โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐยังไม่ออกมา พอเกิดเบร็กซิตทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐและเงินเยนแข็ง นักลงทุนต่างชาติจึงปรับพอร์ตทั่วโลก ตลาดหุ้นไทยก็โดนขายไปด้วย แม้วันศุกร์ที่ผ่านมาจะปรับตัวลงมาระดับหนึ่ง แต่แรงขายยังไม่สิ้นสุด คาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 วัน” น.ส.จิตรา กล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทย คาดว่านักลงทุนต่างชาติคงไม่ขายหุ้นไทยออกมามากนัก เนื่องจากปัจจุบันถือครองหุ้นไทยไม่มากเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ส่วนแรงขายหุ้นเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบริษัทหลักทรัพย์เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนได้ปรับพอร์ตขายหุ้นมาก่อนมติเบร็กซิตจะออกมา จึงคาดว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง กองทุนน่าจะหาจังหวะเข้าซื้อหุ้น รวมทั้งนักลงทุนเริ่มทยอยเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ช่วยให้มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาในตลาด โดยมองแนวรับดัชนีอยู่ที่ 1,380 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,430 จุด

“เบร็กซิตยังกดดันให้หุ้นทั่วโลกผันผวน จึงไม่แนะนำให้ทยอยเข้าซื้อหุ้น ควรรอดัชนีอ่อนตัวลงแถว 1,380 จุด และ 1,360 จุด” น.ส.จิตรา กล่าว

ด้าน นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,355 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในรอบ 2 ปีกว่า โดยทางเทคนิคราคาทองคำสิ้นสุดแนวโน้มขาลงในระยะสั้น ซึ่งถูกกดดันโดยโพลจากสำนักต่างๆ ที่รายงานว่า ยูเคมีโอกาสอยู่ในอียูต่อไปมากกว่าออกจากอียู ดังนั้นในระยะกลางและระยะยาว ทองคำจะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้น มีแนวรับในระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และมีแนวต้านสำคัญที่ 1,355 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

อย่างไรก็ตาม หากมองด้านปัจจัยพื้นฐาน ทองคำเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกะทันหันจากกรณีเบร็กซิตที่เกิดขึ้น ทำให้ทองคำกลับมาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ปัจจัยด้านพื้นฐานกลับมาเอื้อต่อการขึ้นของราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีโอกาสเป็นปัจจัยบวกตลอดทั้งปีในระยะยาว

“กองทุน SPDR ผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ในระดับโลก ขนาดทำกำไรไปมาก เพราะต้นทุนส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งราคาทองคำอยู่ที่ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ กองทุน SPDR ก็ยังเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องอีก 18.41 ตัน รวมทั้งประชาชนชาวอังกฤษเริ่มแห่ซื้อทองคำด้วยความตื่นตระหนกอีกกว่า 1,000 ล้านปอนด์” นพ.กฤชรัตน์ กล่าว