posttoday

ชวนซื้อทองเล่นสั้น

23 มิถุนายน 2555

ราคาสวิงแรงมีโอกาสหากำไร/เสียงแตกหุ้นพลังงานแนะเลี่ยงกับน่าซื้อ

ราคาสวิงแรงมีโอกาสหากำไร/เสียงแตกหุ้นพลังงานแนะเลี่ยงกับน่าซื้อ

ทองทรุดเป็นโอกาสช้อนเล่นระยะสั้น จับตาไม่หลุด 1,527 เหรียญสหรัฐ มีโอกาสเด้ง น้ำมันร่วงทุบหุ้นร่วง ทิ้งหนักพลังงานปิโตรเคมี

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า นักลงทุนระยะสั้นสามารถเข้าซื้อทองคำได้ในช่วงนี้ เพราะราคาจะเหวี่ยงขึ้นลงแรง จึงเป็นโอกาสในการทำกำไรเป็นรอบๆ

นักลงทุนระยะกลางและระยะยาวก็สามารถทยอยซื้อได้คราวละ 30% เพราะราคาแถวระดับ 1,500 เหรียญสหรัฐ ถือว่าลงมามากแล้วและรอดูราคาต่อไป หากยังไม่หลุดระดับ 1,527 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ก็ให้ซื้อเพิ่มอีก 30% คาดว่าราคามีโอกาสรีบาวด์ขึ้นไปเหนือ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ได้ เมื่อถึงจุดนั้นก็เข้าซื้ออีก 30% ก็ยังไม่สายเกินไป เพราะคาดว่าในไตรมาส 4 ปีนี้ราคามีโอกาสมากที่จะขึ้นไปถึง 1,900 เหรียญสหรัฐ แต่หากระดับ 1,527 เหรียญสหรัฐ ต้านแรงขายไม่อยู่ก็จะลงไปอีกเล็กน้อยแถว 1,480 เหรียญสหรัฐเท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในตลาดล่วงหน้าสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลงแรง 50.3 เหรียญสหรัฐ หรือ 3.11% ปิดที่ 1,565.5 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองคำแท่งในประเทศลดลงบาทละ 300 บาท

“ช่วงนี้ราคาทองในตลาดต่างประเทศผันผวนมากวันละ 30 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือกิโลกรัมละ 34 หมื่นบาท วันก่อนลงทีเดียว 50 เหรียญสหรัฐ นอกจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์แล้ว ยังมีแรงซื้อขายน้อยลง เพราะเป็นช่วงหยุดพักฤดูร้อนและจีนในฐานะผู้เล่นรายใหญ่ ก็มีวันหยุดด้วย” นางพวรรณ์ กล่าว

รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน นักลงทุนต้องการถือครองเงินเหรียญสหรัฐ มากกว่าหุ้น ทองคำและน้ำมัน ทำให้ราคาอ่อนตัวลง แต่โดยส่วนตัวยังคงเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะมีการออกคิวอี3 หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 อย่างแน่นอน แต่จะต้องรอให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จสิ้นเสียก่อน ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนทองคำอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า นางพวรรณ์ กล่าวว่า ราคาจะไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,527 เหรียญสหรัฐ และหากไม่ต่ำกว่า 1,540 เหรียญสหรัฐ ก็มีโอกาสไปถึง 1,5801,593 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากนักลงทุนต้องการซื้อลงทุนไม่มากนัก ก็สามารถลงทุนผ่านอีทีเอฟได้ แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนผ่านโกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่มีความเสี่ยงสูงมาก

ทางด้านราคาน้ำมันส่งมอบเดือน ส.ค.ร่วงลง 3.25 เหรียญสหรัฐ หรือ 3.99% ปิดที่ 78.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นับว่าอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เพราะคาดว่าความต้องการใช้จะน้อยลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี

นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต แนะนำนักลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของพอร์ต แม้ในกรณีที่ดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 1,150 จุด ก็อาจไปที่ระดับ 1,127 จุดก็ตาม แต่ไม่ควรมีหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เพราะมีโอกาสปรับตัวลงตามการลดลงแรงของน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้รอจังหวะซื้อหุ้นบริษัท ปตท. (PTT) โดยแรงขายเริ่มน้อยลง ควรรอจังหวะราคาปิดไม่ต่ำกว่า 310 บาท คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในกรอบ 310324 บาท

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หุ้น ปตท. (PTT) ลงมามากจนน่าสนใจซื้อ คาดสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (พี/อี) ปีหน้าอยู่ที่ 7 เท่าเท่านั้น ทั้งนี้จะต้องรอการประชุมเรื่องแซงค์ชันอิหร่าน ว่าจะมีผลให้อุปทานน้ำมันลดลงหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแรงได้ และจะมีผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงเกือบทั่วโลก ส่วนดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงเล็กน้อย 6.14 จุด มาปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,152.91 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 25,987 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นมากถึง 1,790 ล้านบาท โดยยอดขายหนักๆ มาจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส กว่า 2,919 ล้านบาท ทำให้เป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดของวันคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 11.04%

มาร์เก็ตติง กล่าวว่า หุ้นไทยลดลงนำโดยแรงขายหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีอย่างที่คาดการณ์ แต่ได้หุ้นธนาคารพาณิชย์เข้ามาช่วยทำให้ดัชนีลดลงไม่มากเท่าไร แต่แนวโน้มยังมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อในสัปดาห์หน้า หลัง มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกมาลดอันดับเครดิตสถาบันการเงิน 15 แห่งของสหรัฐ ซ้ำเติมความกังวลหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐและจีนกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง