posttoday

คลังแจงถมเงินกู้1.5ล้านล้าน ช่วยคนไม่จนลงได้ 5-6 ล้านคน

22 มีนาคม 2565

คลังแแจงหากไม่ออกมาตรการเยียวยา ใช้เงินกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท จะทำให้คนจนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคน

ดร.พิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผอ.สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)กล่าวว่า โควิดทำกิจกรรทางเศรษฐกิจต้องชะงักลง โดยตั้งแต่ปี 2563 รัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 1 ล้านล้านบาท และพ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มเติมปี 2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเข้ามาช่วยเยียวยาด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจในหลายๆมิติ ทั้งภาคการท่องเที่ยว มาตรการชดเชยต่างๆ การจัดหาวัคซีน

ขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา คือ โครงการเยียวยาประชาชนต่างๆ ทั้ง คนละครึ่ง เราชนะ ม.33 เรารักกัน สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ถึง 40 ล้านคน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วปี 2563 เม็ดเงินเยียวยาที่รัฐให้แก่ประชาชนเฉลี่ยอยู่ที่ 13,400 บาทต่อคนต่อปี "ต้องยอมรับว่าโควิดทำให้คนจนเพิ่มขึ้น จากก่อนโควิดที่มีคนจนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ล้านคน แต่เมื่อเกิดโควิดเพิ่มเป็น 4.8 ล้านคน แต่ถ้าไม่มาตรเยียวยาต่างๆจากรัฐออกมา จะมีคนจนเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคน หรือเพิ่มอีก 5-6 ล้านคน"

อย่างไรก็ตามทิศทางปี 2565 รัฐบาลยังมีงบประมาณที่ยังไม่ได้จัดสรรอยู่ ทำให้มีความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อนอยู่ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสถานการณ์บรรยากาศต่างๆในไทยก็เริ่มดีขึ้น มีวัคซีนเพิ่มขึ้น แต่ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่สำคัญ อย่าง สงครามรัสเซีย - ยูเครน ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ศึกษา วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผลกระทบหนักที่เกิดขึ้น คือ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เพราะเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ต้นทุนต่างๆก็เพิ่มขึ้นทุกส่วนซึ่งอาจจะต้องหาจุดกึ่งกลาง หากลไกเข้ามาจัดสรร โดยกระทรวงการคลังก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว"