posttoday

ทีมศก.บิ๊กตู่หมดกระสุน ปล่อยประชาชนตัวใครตัวมัน

07 มีนาคม 2565

ของแพงทั้งแผ่นดิน โควิดลามทั้งประเทศ ประชาชนสิ้นหวังทำใจรัฐบาลบิ๊กตู่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไร้กระบวนท่า ขอให้พ้นๆ ไปวันๆ

เศรษฐกิจไทยวันนี้ ภายใต้การบริหารของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ "รัฐบาลบิ๊กตู่" น่าเห็นใจว่าเต็มไปด้วยปัญหารุมเร้าแสนสาหัส ทั้งสินค้าราคาแพงไม่หยุด ราคาน้ำมันพุ่งจนไม่มีเงินจะเติมให้เต็มถัง และการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่เห็นว่าจุดสูงสุดอยู่ที่ตรงไหน

ปัญหาดังกล่าวสะเทือนเศรษฐกิจไทยอย่างมาก จนทำให้ประชาชนคนไทยจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน จากพิษเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ออกมาดูแลต่อเนื่องเป็นรูปธรรมทำให้ประชาชนมีหมดความหวัง และความเชื่อมันการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลบิ๊กตู่ลงเรื่อยๆ

รัฐบาลบิ๊กตู่ต้องยอมรับว่า เรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้องภายใต้การแก้ไขของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลบิ๊กตู่นั้น อยู่ในภาวะใกล้สิ้นหวังเต็มทน

ตั้งแต่ปีใหม่ 2565 คนไทยได้ยินข่าวไม่ว่าจากบิ๊กตู่เอง หรือทีมประชาสัมพันธ์ของบิ๊กตู่ ที่ออกมาบอกทุกวัน เป็นห่วงประชาชนสารพัดเรื่อง ทั้งเรื่องการระบาดของโควิด เรื่องของแพง และเรื่องอีกต่างๆ นานาสารพัด

คำกล่าวที่ได้ยินทุกวันเป็นเหมือนคำปลอบประโลมใจไปวันๆ แต่ไม่ได้มีมีมาตรการอะไรออกมาให้ต่อเนื่องหรือมากพอ ที่จะแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนทางเศรษฐกิจที่หนักหนาแสนสาหัสขึ้นทุกวัน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแพง หมูแพง ไข่แพง ก็ยังแพงอยู่ แม้ว่าราคาจะลดลงมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลดลงไปในราคาที่ควรจะเป็น รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือผ่านบัตรคนครึ่ง คนละ 1,200 บาท ให้ใช้ได้ตั้งแต่ ก.พ. ถึงเม.ย แต่วันนี้หลายคนใช้ไปหมดแค่ไม่ถึง 10 วัน

หรือจะเป็นเรื่องราคาน้ำมันแพง รัฐบาลก็หาทางออกไม่ได้จนต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไป 3 บาท เพื่อราคาให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ลดราคาลงไปเหลือลิตรละ 28 บาท ได้ไม่ 12 วัน วันนี้ราคาน้ำมันดีเซลขึ้นมาชนเพดาน 30 บาทอีกแล้ว รัฐบาลก็อยู่ในภาวะมึนอยู่ในซอยตัน จะลดภาษีอีกก็ทำงบปี 2565 ถังแตก

หากไม่ลดภาษีน้ำมันดีเซล ก็ต้องปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินลิตรละ 30 บาท ซึ่งก็จะเจอแรงกดดันจากภาคการขนส่งขึ้นราคา ทำให้สินค้าแพงเพิ่มขึ้นไปอีก

ซ้ำร้าน ยังบริการจัดการให้ประชาชนสับสนรายวัน ว่า จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท และมาประกาศเลิกตรึงปล่อยให้ราคาเกิน 30 บาท แต่ยังไม่ทันได้ใช้ราคาก็ประกาศให้ราคาต่ำลงกว่า 30 บาท นอกจากไม่ให้ความหวังอะไรแล้ว ยังสร้างความสับสนทางเศรษฐกิจรายวันอีกด้วย

นอกจากนี้ ราคาก๊าซก็จ่อคอหอยต้องขึ้นราคา เป็นอีกตัวเร่งทำให้ราคาสินค้าของกินของใช้ โดยเฉพาะข้าวแกง อาหารต่างๆ แพงขึ้นจนคนรายได้น้อยมีรายได้ไม่พอจ่ายค่าอาหารประทังชีวิตรายวัน พูดง่ายๆ รายได้รายวันไม่พอจ่ายค่ากับข้าวของกินของใช้ที่แพงขึ้นสวนทางกันอย่างแรง

ยังไม่รวมกับราคาน้ำมันเบนซินที่ไม่ได้รับการชดเชย แพงจนใกล้ทะลุ 40 บาทต่อลิตร ทั้งที่เป็นน้ำมันที่คนขับรถมอเตอร์ไซค์จำนวนหลายล้านคันใช้เดินทางและประกอบอาชีพ ล้วนเป็นปัญหาที่รัฐบาลยังไม่ได้ช่วยเหลือ

ขณะที่การแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่ระบาดวันละ 2 หมื่นกว่าคน กลายเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะทำให้เป็นเรืองปกติไม่ได้ร้ายแรงน่ากลัว ทั้งที่รัฐบาลคาดว่าเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา น่าจะเป็นการติดเชื้อสูงสุด แต่นี้เข้าเดือน มี.ค. แล้ว ยอดการติดเชื้อยังสูงไม่หยุดเอาไม่อยู่ เพราะรัฐบาลเหมือนปล่อยๆ ติดก็รักษาแบบเจอ แจก จบ กลับไปนอนรักษาตัวที่บ้าน เนื่องจากไม่มีเงินรักษาให้นอนโรงพยาบาล โดยอ้างว่าโรคไม่ร้ายแรงเหมือนก่อน

ปัญหาโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วงว่า หากปล่อยไปอย่างนี้ ไม่มีมาตรการเพิ่มเพราะรัฐบาลไม่กล้าล็อกดาวน์เศรษฐกิจหรือประเทศอีก มีการคาดการวงในว่า หลังสงกรานต์ปีนี้ยอดติดเชื้อในประเทศไทย จะเพิ่มขึ้นเป็นวันละแสนคนและตายวันละหลักร้อยได้ไม่ยาก

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและโควิดของรัฐบาล ที่ดูล้าไม่มีแรงไม่มีมาตรการอะไรใหม่ให้เป็นความหวัง และยังมีการส่งสัญญาณที่สับสนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ต้องแปลกใจว่า เศรษฐกิจไทยยิ่งวันยิ่งสิ้นหวัง ได้ยินแต่คำว่าห่วงใย่จากรัฐบาลทุกวัน แต่ไม่มีมตราการอะไรที่จับต้องได้ต่อเนื่องและเพียงพอต่อการเยียวยาผลกระทบ ทำให้ประชาชนต้องเอาตัวรอดไปตามมีตามเกิดแล้วแต่บุญวาสนา

ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ แถลงภาวะเศรษฐกิจสังคมไทยไตรมาส 4 ปี 2564 มีคนตกงานและเสมือนตกงานถึง 3 ล้านคน และคนไทยมีหนี้ครัวเรือนทะลุไป 14 ล้านล้านบาทแล้ว มีหนี้เสียและหนี้ที่กำลังจะเสียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตกงาน รายได้ลดลง แค่จ่ายประทังชีวิตก็แย่แล้ว เรื่องเอามาจ่ายชำระหนี้ลืมคิดไปได้เลย

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจ เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม การเปิดประเทศไม่ได้ทำให้ดีขึ้น โรงแรมส่วนใหญ่เหลือเงินอยู่ได้ไม่ถึง 3 เดือน และยังมีการแข่งกันลดราคาจนรายได้ไม่คุ้นต้นทุน

นอกจากนี้ ธปท. ยังสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ต่อภาคธุรกิจไทย และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกไทย ก็พบว่าอาการยังน่าเป็นห่วงขายของไม่ได้ เพราะกำลังซื้อไม่มี และต้นทุนสินค้าก็เพิ่มขึ้นแต่ขึ้นราคาสินค้าไม่ได้

จะเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจลามไปทุกหย่อมหญ้าของประเทศไทย คนรายได้น้อยก็ต้องถือเป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่ต้องแบกรับ เพราะรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ต้องเป็นวิบากกรรมที่ต้องเอาตัวรอดไปให้ได้ เพราะการเข้าถึงมาตรการของรัฐยากและมีน้อยเกินกว่าปัญหาที่เกิดขึ้น

ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ ก็ขาดทุนกำไร เป็นการสะท้อนความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังมีสูง และรัฐบาลไหนๆ ก็ยังไม่คิดแก้ปัญหานี้จริงจัง รวมถึงรัฐบาลปัจจุบัน เพราะแค่วิกฤตเศรษฐกิจเฉพาะหน้ายังแก้ไม่ได้แก้ไม่ตก การจะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่นายทุนใหญ่มีส่วนได้เสียเป็นเรื่องที่คนรายได้น้อยหาเช้ากินค่ำหวังได้ยากเหลือเกิน

ทั้งหมดจึงไม่ต้องแปลกใจว่า การแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เข้ามารอบทิศของรัฐบาลบิ๊กตู้ จะไม่เป็นกระบวนท่า เพราะรัฐบาลเองก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอก็หาเพิ่มไม่ได้ เงินกู้พอหาได้ ก็ไม่กล้ากู้ เพราะกลัวออกเป็นกฎหมาย พ.ร.ก.กู้เงินเหมือนที่ผ่านมา อาจจะไปถูกคว่ำในสภาทำให้รัฐบาลล่มได้

ดังนั้น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของรัฐบาล จึงไม่มีอะไรให้หวัง เหมือนรัฐบาลแก้ปัญหาแบบลอยตัว ลอยแพประชาชน ตัวใครตัวมัน ต่างตนต่างช่วยตัวเองกันไปก่อน