posttoday

แนะรัฐบาลคุมโควิดให้อยู่หมัด ค่อยกู้เงินกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ

24 กรกฎาคม 2564

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด แนะรัฐบาลคุมโควิดให้อยู่หมัด ค่อยกู้เงินกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดแจกเงินเยียวยา จะทำให้นโยบายการคลังมีประสิทธิภาพมาก

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการคุมการระบาดของโควิด -19 ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก และเร่งฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าการตุ้นหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่าการควบคุมการระบาดของโควิด-19 สำคัญมากกว่าการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าจะมีการขยายเพดานหนี้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีให้มากกว่า 60% เพื่อให้มีช่องการกู้เงินได้มากขึ้น แต่การกู้เพิ่มนั้นจะไม่มีประสิทธิภาพเลย หากการคุมโควิดอยู่ การฉีดวัคซีนไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งการใช้เงินเพื่อไปจ่ายเยียวยา จะได้ประโยชน์น้อย

"การกู้เงินต้องใช้กระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ มากกว่าการเยียวยา ซึ่งการใช้เงินเพื่อกระตุ้นการฟื้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้ยาก หากประเทศมีไทยยังมีโควิดระบาดคุมไม่ได้ มีวัคซีนที่ช้า ยังมีการล็อกดาวน์ประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องคุมโควิดก่อน ฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้า ค่อยกู้เงิน เพื่อใช้ในการกระตุ้นและฟื้นฟู มากกว่าการแจกเงินเยียวยา จะทำให้นโยบายการคลังมีประสิทธืภาพมากกว่านี้" ดร.ทิม กล่าวว่า

ดร.ทิม กล่าวว่า หากรัฐบาลคุมโควิดได้ ฉีดวัคซีนได้ตามเป้า และคลายล็อกประเทศได้เร็ว จะเป็นตัวขับเคลื่อน 3 ปัจจัยของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ การเปิดรับนักท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย จะเดินหน้าได้ต่อ แต่หากคุมโควิดไม่ได้ปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจทั้ง 3 ปัจจัย จะช่วยเหลือเศรษฐกิจไทยไม่ได้เลย