คุมโควิดไม่อยู่หนีล็อกดาวน์เพิ่มไม่พ้นทำศก.สูญ 1 ล้านล้าน
นักวิชาการคาด คุมโควิดไม่อยู่หนีล็อกดาวน์เพิ่มไม่พ้นทำเศรษฐกิจสูญ 1 ล้านล้าน เสนอกู้เงินเยียวยาเพิ่ม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทุกวันจนล่าสุดเกือบแตะวันละ 1.5 หมื่นคน เป็นเรื่องที่ศูนย์บริการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) อาจจะพิจารณามาตรการเข้มข้นขึ้นถึงขนาดว่ามีความจำเป็นต้องล็อกดาวน์ทั้งประเทศหรือไม่
"หากสัปดาห์หน้าการติดเชื้อโควิดยังแตะวัน 1.5 หมื่นคน ไม่ยอมลดลง เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ ศบค. ต้องเริ่มคิดถึงการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะการล็อกดาวน์ 3 ครั้งที่ผ่านมา ยังควบคุมการระบาดให้ลดลงไม่ได้" นายธนวรรธน์ กล่าวว่า
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เชื่อว่าการพิจารณาล็อกดาวน์ทั้งประเทศหรือไม่ของ ศบค. จะฟังข้อมูลทางการแพทย์เป็นหลัก ซึ่งมีข้อมูลแนวการติดเชื่อ อัตราเร่งการแพร่ระบาดชองเชื้อโควิด การรองรับด้านสาธารณสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการประเมินกันว่า อาจจะมีการติดเชื่อวันละ 2-3 หมื่นคน หากการล็อกดาวน์ยังไม่มีความเข้มข้นพอ
"การล็อกดาวน์เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการขยายพื้นที่ หรือ กิจกรรม หรือ จะล็อกดาวน์ทั้งประเทศ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ออกมาบอกแล้วหากการล็อกดาวน์ยืดเยื้อออกไปจะทำให้จีดีพีของประเทศหายไป 2% ซึ่งก็ตรงกับหอการค้าไทยประเมินไว้ว่า หากการล็อกดาวน์ยืดเยื้อจะให้ทำให้เศรษฐกิจสูญเสียไปเดือนละ 4-5 แสนล้านบาท หากมีการล็อกดาวน์ 2 เดือน ก็จะทำให้เศรษฐกิจสูญเสียไป 8 แสนล้านบาท ถึง 1 ล้านล้านบาท หรือ คือเป็นจีดีพีที่หายไปประมาณ 2%" นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หากการล็อกดาวน์มีการยืดเยื้อออกไป รัฐบาลก็ต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเพิ่ม หากเงินกู้จาก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท ไม่พอ ก็ต้องออก พ.ร.ก. กู้อีก 5 แสนล้านบาท เป็นเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจให้เท่ากับเม็ดเงินที่สูญเสียไป เพื่อให้บรรเทาความเดือนร้อนผู้ได้รับผลกระทบ และทำให้เศรษฐกิจยังขยายตัวเป็นบวกได้