posttoday

เศรษฐกิจไทยจะดิ่งแค่ไหน หากเจอพิษโควิดรอบสอง

15 กรกฎาคม 2563

ไม่มีใครอยากคิดว่าหากเจอพิษโควิดรอบสอง เศรษฐกิจไทยจะดิ่งลงเหวขนาดไหน เพราะแค่พิษรอบแรกก็ทำให้เศรษฐกิจขยายติดลบ 10% ไปแล้ว

หลังเจอพิษโควิดทหารจากอียิปต์ ในจังหวัดระยอง และเด็กซูดาน ในกรุงเทพ ทำให้คนไทยช็อค เหมือนเจอโควิดระบาดรอบสองในทันที

การท่องเที่ยวในจังหวัดระยองพังราบในพริบตา ทั้งที่เป็นช่วงที่รัฐบาลกระตุ้นไทยเที่ยว เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่ในกรุงเทพก็อลเวง มีการชะลอออกไปใช้จ่ายตามห้างสรรพสินค้า เพราะมีข่าวลือเรื่องการระบาดของโควิดรอบสองเต็มโซเชียลไปหมด

แม้ว่าตอนนี้ไทย ยังไม่เจอการระบาดโควิดรอบสอง แต่หลายคนก็ผวาไปแล้วว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการระบาดโควิดรอบสองในไม่ช้าก็เร็วนี้

ความวิกตกดังกล่าว ส่งผลกระทบภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดีเดย์มาตรการไทยเที่ยวไทยในเดือนนี้ ทำท่าจะล้มทั้งยืน ความหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยวันที่ 1 ก.ย. นี้ เป็นเหมือนแสงที่ปลายอุโมงค์

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวติดลบ 1.8% ซึ่งถูกมองว่ามีการประเมินต่ำกว่าเป็นจริง

สำหรับการเศรษฐกิจปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 5-6% มีค่ากลางอยู่ที่ลบ 5.5% อยู่ภายเงื่อนไขโดยโควิดระบาดไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ การผ่อนคลายไตรมาสเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 2 และการท่องเที่ยวกลับมาได้ปลายปีนี้ ซึ่งจะเห็นว่าเงื่อนไขที่สภาพัฒน์ฯ ตั้งไว้นั้นเป็นไปได้ยาก

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2563 จะขยายต่ำที่สุดในปีนี้ โดย ธปท. คาดว่า จะขยายตัวติดลบ 2 หลัก หรือมากกว่า -10% แต่ไม่เกิน -20% และคาดว่าทั้งปีจะหดตัว -8.1% ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดการณ์ไว้ ซึ่งก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขไม่มีการระบาดรอบสอง

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่า แม้ไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมากว่า 1 เดือน และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ แต่มาตรการเฝ้าระวัง เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม การระงับการบินระหว่างประเทศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ยังกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิจัยกรุงศรีปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้และมองว่าจะหดตัว 10.3% ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียในปี 2541

ทั้งหมด คือพิษโควิดรอบแรก ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำสุดเป็นประวิติการณ์

เมื่อนำเศรษฐกิจไทย ไปเทียบกับเศรษฐกิจประเทศสิงคโปร์ ที่เป็นเบอร์หนึ่งของภูมิภาค ที่ต้องต่ออายุมาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิดทำเศรษฐกิจสิงคโปร์เข้าสู่ภาวะถดถอยหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ขยายตัวติดลบ 12.6% ขยายตัวติดลบ 41.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ที่ขยายติดลบ 3.3%

เมื่อว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว เศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งน้อยกว่าสิงคโปร์ เศรษฐกิจไทยย่อมทรุดหนักกว่า และเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบอย่างแท้จริง

ปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจไทย ตอนนี้คือ หากเจอพิษโควิดรอบสองขึ้นจริง เศรษฐกิจไทยจะดิ่งลงเหวไปมากกว่าเดิมที่คาดไว้ขนาดไหน

ธปท. ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ที่คาดว่าขยายติดลบใกล้ 20% เป็นการคาดการณ์ที่สวนทางภาคเอกชนผู้ประกอบการ ที่มองว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 และ 4 จะแย่เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังทำธุรกิจไม่ได้เหมือนเดิม มีการปิดกิจการมากขึ้น คนตกงานเพิ่ม หนี้ที่กู้มาเป็นหนี้เสีย กระทบทั้งผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลหมดกระสุน ทั้งการแจกเยียวยา งบฟื้นฟูเดินหน้าช้า ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ จะวิกฤตจากพิษโควิดอย่างแท้จริง

ทั้งหมด ยังไม่รวมพิษระบาดโควิดรอบสอง ที่หากเกิดขึ้นจริง เศรษฐกิจไทย จะดิ่งแบบชนิดไร้แนวรับ ปัญหาจะตามมาเป็นสินามิ ทั้งการปิดกิจการ การเลิกจ้างงาน หนี้เสียท่วมสถาบันการเงิน หนี้ครัวเรือนสูง ปัญหาสังคมตามมา คนจนรายได้น้อยไม่มีกินไม่มีที่อยู่

การระบาดโควิดรอบแรกทำเศรษฐกิจไทยพังราบ จนงานเข้ารัฐบาลอยู่ได้ลำบาก และรัฐบาลยังมาทำพลาดเป็นต้นเหตุทำให้โควิดอาจจะระบาดรอบสอง ทำเศรษฐกิจพังจนคาดการณ์ความเสียหายไม่ได้ รัฐบาลเห็นที่จะอยู่ได้ลำบากมากขึ้นทุกที