ธปท.แจงดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจเดือนก.พ.ทรุดหนัก
ธปท.แจงดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจเดือนก.พ.ทรุดหนักต่ำสุด นับตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 จากความกังวลการระบาดของไวรัส COVID-19
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ปรับลดลงมากจากเดือน ก่อนที่ 48.5 มาอยู่ที่ระดับ 44.1 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ เหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 เป็นการลดลงทั้งในภาคการผลิตและ ภาคที่มิใช่การผลิต โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการใน ภาคการผลิตลดลงในด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ความเชื่อมั่นด้านการผลิตลดลงตามระดับวัตถุดิบคงคลัง ที่ไม่เพียงพอความต้องการ เนื่องจากต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากจีน ค่อนข้างมาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการลดลงตามไป ด้วย ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นในภาคที่มิใช่การผลิตที่ลดลง อย่างมากในเดือนนี้มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เป็นหลัก นำโดยกลุ่มขนส่งและกลุ่มที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ที่ความเชื่อมั่นด้านยอดจองของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศลดลง จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ความเชื่อมั่น ด้านปริมาณการบริการลดลงตามไปด้วย
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 50.5 สะท้อนความกังวลของผู้ประกอบการที่มองว่าภาวะธุรกิจ ในระยะข้างหน้าจะยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์แพร่ระบาด ของไวรัส COVID-19 โดยเฉพาะกลุ่มขนส่งที่คาดว่ายอดจอง ในอนาคตจะลดลง เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี ความกังวลเรื่องคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่จะหดตัว ขณะที่ ความเชื่อมั่นด้านการผลิตของกลุ่มผลิตยานยนต์ลดลงตาม การคาดการณ์ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่อาจมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสยังไม่คลี่คลาย
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมนั่ด้านอื่นๆ ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและผลประกอบการของธุรกิจที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนธุรกิจที่ความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่องแย่ลงมีมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีฯ ด้านสภาพคล่องที่ลดลง อีกทั้งยังอยู่ต่่ากว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทั้งรายใหญ่ และ SMEs ยังได้รับเครดิตจากสถาบันการเงินที่เพียงพอ
นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศยังคงเป็นข้อจำกัดส่าคัญในการด่าเนินธุรกิจ ทั้งในด้านของกำลังซื้อที่อ่อนแอและการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ การปรับราคาสินค้าทำได้ยาก สอดคล้องกับการคาดการณ์อัตรา เงินเฟ้อในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่ยังคงใกล้เคียงเดือนก่อนที่ 1.6%


