posttoday

สภาพัฒน์ฯ แจงเศรษฐกิจไทยยังไม่แย่ขนาดถดถอย

20 กุมภาพันธ์ 2563

สภาพัฒน์ฯ เปิดข้อมูลเศรษฐกิจไทยเคยแย่ขนาดถดถอยแล้ว 4 ครั้ง ล่าสุดปี 2557

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) คือภาวะลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งวัดโดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หลังปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว และติดลบติดต่อกันอย่างน้อยสองไตรมาส โดยเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ 2536 เป็นต้นมา ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคจำนวน 4 ครั้ง ได้แก่

(1) ครั้งแรก เกิดในปี 2540 เป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ซึ่งส่งผลให้ GDP ณ ราคาที่แท้จริงหลังปรับฤดูกาลแล้ว ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2540 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2541 เป็นการลดลงต่อเนื่องสี่ไตรมาสติดต่อกัน

(2) ครั้งที่สอง เกิดในปี 2551 เป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลกหรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ GDP ณ ราคาที่แท้จริงหลังปรับฤดูกาลแล้ว ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 เป็นการลดลงสองไตรมาสติดต่อกัน

(3) ครั้งทื่สาม เกิดในปี 2556 เป็นช่วงที่เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงภายนอกคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศคือภาวะภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดของไทยที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคเกษตรกรรม ซึ่งส่งผลให้ GDP ณ ราคาที่แท้จริงหลังปรับฤดูกาลแล้ว ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 เป็นการลดลงสองไตรมาสติดต่อกัน

(4) ครั้งที่สี่ เกิดในปี 2556-2557 เป็นช่วงที่เผชิญกับปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อ การท่องเที่ยว การลงทุน การค้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้ GDP ณ ราคาที่แท้จริงหลังปรับฤดูกาลแล้ว ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 ถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 เป็นการลดลงสองไตรมาสติดต่อกัน

สภาพัฒน์ฯ ยังแจงว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 สภาพัฒน์ฯเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 ขยายตัว 1.6% ชะลอลงจากการขยายตัว 2.6% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปี 2562 หลังปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว ขยายตัวจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ที่ 0.2% นั่นคือกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ มิใช่การลดลงหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 นี้มีปัจจัยสำคัญ ๆ จากทั้งภายนอกและภายในประเทศ ได้แก่

(1) การขยายตัวในเกณฑ์ที่ต่ำของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนของทิศทางมาตรการกีดกันทางการค้า และการแข็งค่าของเงินบาท (2) ความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณ

(3) ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และปัจจัยชั่วคราวในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการ

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยใน ปี 2563 มีแนวโน้มที่จะขยายตัว 1.5 - 2.5% ชะลอตัวลงจาก 2.4% ในปี 2562 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 จะเผชิญกับข้อจำกัดต่อขยายตัวมากขึ้น ได้แก่

(1) ภาคเกษตรมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งที่มีความชัดเจนมากขึ้น

(2) ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกยังมีข้อจำกัดจากการขยายตัวในเกณฑ์ต่ำของเศรษฐกิจโลกซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง

(3) ภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

(4) ความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณส่งผลให้แรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภาครัฐอยู่ในเกณฑ์ต่ำและเป็นข้อจำกัดต่อการใช้นโยบายการคลังในการบริหารจัดการเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ดี ในกรณีฐานคาดว่าข้อจำกัดที่เกิดจากความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณจะยุติลงในไตรมาสแรก และผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสิ้นสุดลงในช่วงกลางไตรมาสที่สอง ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวคาดว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวเข้าสู่เกณฑ์ปกติในช่วงหลังของปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก

(1) แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอย่างช้าๆ

(2) การขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของอุปสงค์ภายในประเทศ

(3) แรงขับเคลื่อนจากมาตรการภาครัฐ

(4) ฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติ