posttoday

กรมบัญชีกลาง ยันงบประมาณผูกพันข้ามปี เบิกจ่ายได้ตามปกติ

30 มกราคม 2563

กรมบัญชีกลางยืนยัน การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี 63 ของส่วนราชการที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว ทั้งงบประจำและลงทุน สามารถเบิกจ่ายจากได้ตามปกติ

นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 43 บัญญัติให้การขอเบิกเงินจากคลังตามงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณใด ให้กระทำได้แต่เฉพาะภายในปีงบประมาณนั้น ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ และไม่สามารถเบิกเงินจากคลังได้ทันภายในปีงบประมาณ ให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังได้อีกไม่เกินหกเดือนของปีงบประมาณถัดไป เว้นแต่มีความจำเป็นต้องขอเบิกเงินจากคลังภายหลังเวลาดังกล่าว ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายเวลาออกไปได้อีก ไม่เกินหกเดือน โดยหน่วยรับงบประมาณได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว ซึ่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562 ข้อ 106 กำหนดให้การขอกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการก่อนสิ้นปีงบประมาณ โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด

“กรณีที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 63 ยังไม่ประกาศใช้นั้น หน่วยงานของรัฐที่มีโครงการและได้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีโดยการจัดซื้อจัดจ้างไว้แล้ว สามารถเบิกจ่ายเงินได้ตามปกติ โดยไม่เกี่ยวกับกับ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 63 ซึ่งไม่มีผลกระทบกับหน่วยงานแต่อย่างใด” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้กระบวนการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณในภาพรวมของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้หน่วยงานของรัฐมั่นใจและเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้มีเม็ดเงินกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป

กรมบัญชีกลาง ยันงบประมาณผูกพันข้ามปี เบิกจ่ายได้ตามปกติ

ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส. ขอให้วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท จะต้องล้มไปหรือไม่ อันเนื่องมาจากเหตุที่หลายท่านทราบแล้วนั้น

ทั้งนี้การที่ศาลรับคำร้องดังกล่าว กระทรวงการคลังไม่สามารถก้าวล่วงการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ และขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลถึงผลกระทบที่อาจส่งผลถึงทำให้ ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันในเดือนมีนาคมนี้

จากข้อกังวลดังกล่าว ผมจึงได้ร่วมหารือกับผู้บริหารของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเตรียมมาตรการรองรับในทุกๆกรณี รวมถึงการเตรียมการล่วงหน้าในระยะยาวด้วย

โดยที่ประชุมได้เสนอมาตรการ เพื่อรองรับในหลายแนวทางด้วยกัน และพร้อมที่จะนำมาใช้ได้อย่างทันท่วงที ทั้งเรื่องของการเบิกจ่ายเงินเดือนข้าราชการ และเงินลงทุนของภาครัฐ เงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

หน้าที่ของกระทรวงการคลัง คือเป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลงบประมาณ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชน มีความมั่นใจว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะทำตามภารกิจดังกล่าวอย่างเต็มที่