posttoday

สะสมความมั่งคั่ง กับหุ้นเฮลท์แคร์โลก

18 มีนาคม 2562

การใช้จ่ายด้านสุขภาพมีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับในอดีต

เรื่อง พูลศรี เจริญ

การใช้จ่ายด้านสุขภาพมีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับในอดีต ปัจจัยหลักที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว ได้แก่ การเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราการใช้จ่ายด้านสุขภาพสูงกว่าวัยอื่นๆ ประกอบกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชากรที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการเกิดโรคและก่อให้เกิดอัตราการใช้จ่ายในด้านสุขภาพที่มากขึ้น

นอกเหนือจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ คือ การพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วของระดับเทคโนโลยีการแพทย์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการรักษารูปแบบใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการขยายขอบเขตการรักษาไปสู่โรคที่ไม่เคยรักษาได้มาก่อน กระตุ้นให้เกิดอัตราการเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพโดยรวมจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลให้บริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในขอบเขตดังกล่าวได้รับอานิสงส์เชิงบวก และมีมูลค่าเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับการรักษาผู้ติดเชื้อเฮชไอวีได้สำเร็จเป็นรายที่ 2 ของโลกหลังจากติดเชื้อมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าทางการแพทย์ของโลก

หากมองมาทางด้านของกองทุนแล้ว กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวคงหนีไม่พ้นกลุ่มโกลบอล เฮลท์แคร์ ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น เภสัชกรรม อุปกรณ์การแพทย์ ประกันสุขภาพ บริการทางการแพทย์ ไปจนถึงเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าค่อนข้างหลากหลายซึ่งต่างจากประเทศไทยที่มักจะเป็นธุรกิจโรงพยาบาล

กองทุนกลุ่มนี้เคยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมที่ 6.1 หมื่นล้านในปี 2558 หรือสูงเป็นอันดับ 8 ของกลุ่มกองทุน Morningstar Category มีกองทุนไทยเปิดใหม่ในปีนั้นจำนวน 12 กอง

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีเงินไหลออกสุทธิจากกลุ่มนี้รวม 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจมาจากความกังวลต่อนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะส่งผลต่อราคายาในสหรัฐ

ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ฯ ระบุว่า ปัจจุบันกองทุนเฮลท์แคร์มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม ณ สิ้นเดือน ก.พ. 2562 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 15 จาก 39 กลุ่ม โดยมีกองทุนทั้งสิ้น 25 กองทุน จาก 10 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.1% ต่อปี

มีข้อมูลยืนยันถึงความน่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจเฮลท์แคร์ โดย คมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี 2562 เศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลกขยายตัวในอัตราที่ลดลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี ตามปกติกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับวัฏจักรเศรษฐกิจ ในยามที่เศรษฐกิจเป็นขาลง ผลกำไรของตลาดหุ้นก็จะหดตัวตามไปด้วย

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงปลายวัฏจักร จึงควรเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลกำไรไม่ผันผวนไปตามเศรษฐกิจโลกมากนัก และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เช่น ในกลุ่มโกลบอล เฮลท์แคร์ ซึ่งได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์ ของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มนี้มีกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจหดตัว

ยกตัวอย่างกลุ่มเฮลท์แคร์ในสหรัฐ จากข้อมูลย้อนหลังในช่วงเศรษฐกิจถดถอย 3 ครั้งล่าสุดในปี 2533, 2544 และ 2551 ในช่วงเวลาเดียวกัน กำไรของบริษัทของกลุ่มเฮลท์แคร์สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 9%, 9% และ 4% ตามลำดับ ขณะที่กำไรของตลาดหุ้นโดยรวม (ดัชนี S&P50) ลดลงถึง 28%, 22% และ 36% ตามลำดับ

นอกจากนั้น อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังดีกว่าตลาดโดยรวม โดยหากนับจากปี 2533-2561 หุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์ของสหรัฐ มีกำไรเติบโต 1,356% สูงกว่าตลาดโดยรวมถึงกว่า 1 เท่าตัว (กำไรของดัชนี S&P500 โต 520% ในช่วงเดียวกัน)

คมศร ให้ข้อมูลอีกว่า หากพิจารณาในแง่ของราคาหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ในสหรัฐ ปัจจุบันซื้อขายที่ราคาปิดต่อกำไร (พี/อี เรโช) ที่ 15.3 เท่า ต่ำกว่าดัชนีรวม S&P500 ซึ่งซื้อขายที่ 15.6 เท่า เป็นราคาที่มีส่วนลดจากตลาด ในขณะที่ค่าเฉลี่ยระยะยาวหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ซื้อขายที่พี/อี พรีเมียม จากตลาดราว 10% นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก

อีกมุมมองจาก รัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส คาดว่าทิศทางของเทรนด์ธุรกิจเพื่อสุขภาพยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

“หุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์เป็นอีกหนึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว อีกทั้งยังมีมูลค่าพื้นฐานที่ยังไม่สูงเกินไปจึงเหมาะแก่การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต”

อย่างไรก็ดี บลจ.แอสเซท พลัสไม่ได้มีเพียงแค่ความเชื่อมั่น ล่าสุดได้จัดตั้ง กองทุนเปิด แอสเซทพลัส อินโนเวทีฟเฮลธ์แคร์ (ASP-IHEALTH) ซึ่งเป็นบริบทใหม่แห่งการลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ที่แตกต่างจากรูปแบบเดิมๆ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่สนใจลงทุนในกลุ่มเฮลท์แคร์ ที่ผสมผสานระหว่างความก้าวล้ำทางวิทยาศาสตร์และความสร้างสรรค์ทางด้านเทคโนโลยีอย่างลงตัว โดยประกอบไปด้วยความพิเศษ 2 ประการดังนี้

ประการแรก เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม “ไบโอเทคโนโลยี” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตและส่งผลให้เกิดนวัตกรรมมากมายที่มีบทบาทสำคัญทางการแพทย์

ประการที่ 2 เน้นลงทุนในบริษัทที่ใช้ “นวัตกรรม” มาประยุกต์ใช้ต่อยอดในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาการรักษา เช่น บริษัทที่พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับในการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ทางไกล บริษัทที่มีการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับการผ่าตัด เป็นต้น

สะสมความมั่งคั่ง กับหุ้นเฮลท์แคร์โลก

สะสมความมั่งคั่ง กับหุ้นเฮลท์แคร์โลก

นอกจากนี้ บลจ.แอสเซท พลัส ได้คัดเลือกบริษัทต่างประเทศที่มีความเหมาะสมและเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าว 2 บริษัท

เจ้าแรก คือ Janus Henderson Investors สำหรับการลงทุนในหุ้นไบโอเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางและความเชี่ยวชาญอย่างมากในการคัดเลือกหุ้น เนื่องจากทีมลงทุนของ Janus Henderson มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาที่เกี่ยวกับไบโอเทคโนโลยีโดยตรง สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนในการคัดสรรหุ้นของทีม

เจ้าที่ 2 คือ เครดิต สวิส บริษัทที่มีประวัติยาวนานในวงการการลงทุน โดยปัจจุบันเครดิต สวิส เป็นบริษัทเดียวในโลกที่มีกองที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มอินโนเวทีฟ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเน้นลงทุนในกระแสการวิวัฒนาการของวงการสุขภาพ โดยจะลงทุนเฉพาะในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเฮลท์แคร์ ที่มีวิวัฒนาการมาจากการพัฒนาขึ้นของนวัตกรรม ซึ่งเป็นธีมการลงทุนมีแตกต่างไปจากการลงทุนในอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วๆไปอย่างชัดเจน

ขณะที่ปัจจุบันหุ้นกลุ่ม “เฮลท์แคร์” และกลุ่ม “เทคโนโลยี” ถือเป็ นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุนที่สุดในช่วงนี้ เพราะด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า ทำให้มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวขึ้นประกอบกับสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยิ่งผลักดันให้ความต้องการดูแลรักษาสุขภาพและ
การแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นมากจนสามารถเข้าไปแทรกซึมอยู่ในอุตสาหกรรม รวมถึงชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกเพศทุกวัยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

บลจ.ทิสโก้ ไม่รอช้า ล่าสุดได้ออกกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI) เน้นลงทุนในบริษัทที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการแพทย์ (Digital Health) ทั่วโลก

ทั้งหมดคือโอกาสการลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์โลก ที่จะเห็นได้ว่า บลจ.ไทย ได้พัฒนาจากกองทุนเฮลท์แคร์ธรรมดา ไปสู่การให้น้ำหนักเฉพาะธุรกิจมากขึ้น ทั้งไบโอเทคโนโลยีและเฮลท์แคร์ ที่อิงกระแสเทคโนโลยี ล่าสุด บลจ.ฟิลลิป ประเดิมเจ้าแรก เพิ่มการลงทุนในธุรกิจกัญชาเพื่อการแพทย์

สะสมความมั่งคั่ง กับหุ้นเฮลท์แคร์โลก