posttoday

กลุ่มปิโตรเคมี-โรงกลั่นต่ำสุดไตรมาส2

23 มิถุนายน 2556

โดย...บล.เอเซียพลัส

โดย...บล.เอเซียพลัส

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดกำไรกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่นไตรมาส 2 ปี 2556 ทำระดับต่ำสุดแล้ว และไตรมาส 3 พร้อมดีดตัวฟื้น

ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 2 จะลดลงจากงวดไตรมาส 1 ค่อนข้างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากธุรกิจโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยได้ปรับตัวลดลงจากงวดไตรมาส 1 โดยหากอ้างอิงค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ พบว่าลดลงเฉลี่ยราว 30% ประกอบราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยเดือนสุดท้ายในงวดไตรมาส 2 ที่ปรับตัวลดลงจากสิ้นไตรมาส 1 อาจส่งผลให้ต้องเผชิญกับผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันราว 2-3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีนั้นคาดแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Spread) ผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลฟินส์โดยเฉลี่ยยังทรงตัวได้ใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 1 แต่ในสายอะโรเมติกส์นั้นคาดกำไรอาจลดลงเล็กน้อยจากงวดไตรมาส 1 ตาม Spread ผลิตภัณฑ์ Px ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ในงวดไตรมาส 2 ยังมีปัจจัยลบต่อกลุ่มจากประการแรก บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) มีแผนการหยุดซ่อมบำรุง โดยในส่วนของโรงกลั่นมีแผนหยุดซ่อม 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.) กำลังการผลิต 2.1 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนของโรงงานปิโตรเคมีนั้นมีแผนหยุดซ่อมหน่วย HDPE, LLDPE และ LDPE เป็นระยะเวลา 15, 25 และ 15 วัน ตามลำดับ

ประการที่สอง บริษัท ไทยออยล์ (TOP) หน่วยกลั่น CDU 2 กำลังการผลิต 5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน มีแผนหยุดซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 15 วัน

ประการที่สาม บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง แต่ฝ่ายวิจัยคาดกำไรงวดไตรมาส 3 ของกลุ่มจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยฟื้นตัวในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และยังมีผลของฤดูกาลที่คาดว่าจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้ปรับตัวสูงขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นคาดจะได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐ ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีนั้นคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มเก็บสต๊อกวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าในช่วงเทศกาลปลายปี

ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น “เท่าตลาด” โดยเชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มฯ ที่ปรับตัวลดลงสะท้อนภาพลบของอุตสาหกรรมไปในระดับหนึ่งแล้ว จากนี้ไปคาดแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมน่าจะอยู่ในทิศทางสดใสมากขึ้น โดยเลือกหุ้น TOP เป็นหุ้นแนะนำ

สถานการณ์ Spread ผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลฟินส์ของ PTTGC บริษัทไออาร์พีซี (IRPC) ตั้งแต่ต้นงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน โดยรวมอยู่ในลักษณะประคองตัวให้ยืนอยู่ได้ใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 1

ขณะที่ราคากลุ่มอะโรเมติกส์ TOP, PTTGC, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO และ IRPC ทั้ง พาราไซลีน (Px) และเบนซีน (Bz) ตั้งแต่ต้นงวดไตรมาส 1 ถึงปัจจุบัน ปรับตัวลดลง 10% และ 9% มาอยู่ที่ 1,450 และ 1,300 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ