posttoday

ล็อกเงินฝากยาวรับ"ดอกเบี้ย"ขาลง

02 ตุลาคม 2555

เชื่อ กนง.ลดดอกเบี้ยลงในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า แนะนักลงทุนฝากยาวล็อกผลตอบแทนรับดอกเบี้ยขาลง

เชื่อ กนง.ลดดอกเบี้ยลงในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า แนะนักลงทุนฝากยาวล็อกผลตอบแทนรับดอกเบี้ยขาลง

ล็อกเงินฝากยาวรับ"ดอกเบี้ย"ขาลง

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน และระยะ 1 ปี ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ไม่แตกต่างกันในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นว่าดอกเบี้ยในตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง จึงคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่ต้องการฝากเงินเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ออมเงินระยะยาวเพื่อล็อกผลตอบแทน

นายสมิทธ์ เชื่อว่า การแข่งขันเงินฝากในตลาดจะยังมีแนวโน้มรุนแรงต่อไป เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังคงตึงตัวอยู่ แม้ว่าเงินฝากทั้งระบบธนาคารปีนี้จะเติบโตขึ้น 11% แต่ส่วนหนึ่งเป็นการโยกย้ายการลงทุนในตั๋วบี/อี เข้ามาเป็นเงินฝาก ขณะที่เงินฝากในระบบเติบโตจริงเพียงแค่ 3-4% เมื่อเทียบกับสินเชื่อที่โต 13-14%

“การแข่งขันเงินฝากระหว่างธนาคารพาณิชย์กับแบงก์รัฐจะเริ่มกลับมารุนแรงอีกครั้ง จากการที่ธนาคารรัฐระดมเงินผ่านบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ เพราะมีข้อได้เปรียบจากการที่ไม่มีต้นทุนการหักภาษี ณ ที่จ่าย 0.40% เมื่อรวมกับต้นทุนเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากอีก 0.46% ทำให้เบ็ดเสร็จมีต้นทุนเหลื่อมล้ำกันถึง 0.90% ซึ่งธนาคารได้แจ้งข้อกังวลนี้ไปยัง ธปท.แล้ว เนื่องจากเกรงว่าหากดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลงจะทำให้แข่งขันได้ยากขึ้น” นายสมิทธ์ ชี้แจง

นายสมิทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารได้เตรียมผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 22 เดือน ดอกเบี้ย 3.83% ไว้รองรับลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ธนาคารยังได้ออกแคมเปญเงินฝากประจำ 12 เดือน “เผื่อเหลือ เผื่อขาด เผื่อเรียก” ให้ดอกเบี้ย 3% โดยให้สิทธิลูกค้าถอนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ฝากขั้นต่ำ 5 แสนบาท สูงสุด 50 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเจ้าของกิจการที่ต้องการสภาพคล่องทางธุรกิจและผลตอบแทนจากการออมในเวลาเดียวกัน

“เจ้าของกิจการส่วนใหญ่มักประสบปัญหาคู่ค้าจ่ายเงินไม่ตรงเวลา ดังนั้นหากนำเงินมาฝากประจำจะทำให้ขาดเงินหมุนเวียน ธุรกิจส่วนใหญ่จึงเลือกทิ้งเงินเป็นออมทรัพย์ แต่ก็ได้ดอกเบี้ยเพียง 0.75% เราจึงออกเงินฝากประจำที่ให้ลูกค้าสามารถยืมเงินตัวเองในบัญชีไปหมุนได้ 60 วัน เมื่อนำเงินมาคืนดอกเบี้ยก็จะเดินต่อ ไม่ต้องไปใช้สินเชื่อโอ/ดี ให้เสียดอกเบี้ยและยังได้ผลตอบแทนถึง 3%” นายสมิทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถระดมเงินฝากจากแคมเปญดังกล่าวได้ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ในภาพรวมของเงินฝาก 9 เดือนแรกเติบโตไปแล้ว 1.8 แสนล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2.4 แสนล้านบาท

นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การออกหุ้นกู้สกุลเงินตราต่างประเทศ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ของธนาคารในเดือนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในแผนการระดมเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งในจำนวนนี้จะมีทั้งการปล่อยกู้เป็นเงินสกุลเหรียญสหรัฐให้ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศและสวอปเพื่อปล่อยกู้เป็นเงินบาท

“ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการระดมทุนสกุลเงินเหรียญสหรัฐ เพราะต้นทุนไม่แพง” นายกฤษฎา กล่าว