ศูนย์วิจัยฯกสิกรไทย เปิดเผยบทวิเคราะห์กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติให้ต่ออายุวงเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองที่จำนวนไม่เกิน 50 ล้านบาทออกไป โดยพบว่า การยืดอายุวงเงินคุ้มครองไว้ที่ 50 ล้านบาท จะส่งผลให้มีเงินฝากที่จะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องราว 6.27 ล้านล้านบาท หรือ 73.8 % ของเงินฝากทั้งหมด คิดเป็นจำนวนบัญชีเงินฝาก 78.8 ล้านบัญชี หรือ 99.9 % มากกว่ากรณีลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ซึ่งมีเงินฝากที่เข้าข่าย 2.43 ล้านล้านบาท หรือ 28.6 % ของเงินฝาก ครอบคลุม 77.76 ล้านบัญชี หรือ 98.7 % ของบัญชีทั้งหมด
นอกจากนี้ การรักษาระดับวงเงินคุ้มครองเงินฝากไว้ที่ 50 ล้านบาท ยังทำให้สัดส่วนวงเงินคุ้มครองเทียบกับ รายได้ต่อหัว ของไทยทรงตัวอยู่ที่ราว 320.7 เท่าต่อรายได้ต่อหัวซึ่งสูงกว่าหลายประเทศและสูงสุดในภูมิภาค
ทั้งนี้ นอกเหนือจากผลดีต่อผู้ฝากเงินการต่อายุวงเงินคุ้มครองยังช่วยผ่อนคลายแรงกดดันของการแข่งขันในตลาดเงินฝากเงินออมได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะต่อธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่มีการระดมทุนผ่านตั๋วแลกเงินและเงินให้กู้ยืมด้วยตราสารหนี้ที่ไม่ได้นับเป็นเงินกองทุน ซึ่งเผชิญแรงกดดันให้ต้องปรับโครงสร้างแหล่งเงินทุน หลังจากการบังคับใช้เกณฑ์การนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ
อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติความเข้มข้นในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์เงินฝากเงินออมยังขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย อาทิ ความจำเป็นในการล็อคสภาพคล่องไว้รองรับการปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์สูงในช่วงที่เหลือของปีนี้ และรักษาฐานลูกค้าท่ามกลางการรุมเร้าของปัจจัยดึงเงินออม รวมถึงการระดมเงินออมจากภาครัฐ ซึ่งอาจทำให้ภาวะการแข่งขันในตลาดเงินฝากยังมีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นได้ในบางจังหวะในระยะที่เหลือของปีนี้