posttoday

สติจงมา... ในบรรยากาศจิตตกกับตัวเลขพุ่ง

26 กรกฎาคม 2564

วิธีการรับมือที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ปัญหายุ่งเหยิงใหญ่โต สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่แค่การตอบสนองปัญหา ด้วยสัญชาตญาณ แต่มันต้องเป็นการรับมือด้วยกระบวนการคิดที่ถูกต้อง

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ ตอนที่ 33/2564 โดย...สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร

ไม่มีใครในบ้านเมืองเวลานี้สบายใจกับตัวเลขการรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่ออกมาเป็นหลักหมื่นสำหรับคนติดเชื้อ หลักร้อยสำหรับคนเสียชีวิต จะออกจากบ้านก็ให้จิตตก กลัวไปหมด นั่งทำงานก็เครียด ทุกสิ่งล้วนนำพาไปสู่ความเงียบเหงาเศร้าสร้อยว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราจะออกจากจุดนี้ได้อย่างไร เราจะทนกับสภาพนี้ได้อีกนานเท่าใด ที่ผ่านมามันยังไม่พออีกหรืออย่างไร

ในวันพระใหญ่ หลังฝนตกเล็กน้อย ผู้เขียนได้รับข้อมูลข่าวสาร อะไรที่ดราม่าก็ลบทิ้ง ภาพดอกไม้ สวัสดีตอนเช้าก็ลบทิ้ง แสดงความยินดีวันเกิดก็ลบทิ้ง คติธรรมะก็ลบทิ้ง ข่าวเรื่องวัคซีนก็ลบทิ้ง ข่าวการเมืองก็ลบทิ้ง เรื่องกินสมุนไพรก็ลบทิ้ง แต่มาสะดุดที่ตรงบทความนี้ที่มีคนส่งมาให้ ลองอ่านไปสองรอบก็ชอบใจ จึงขอนำส่งต่อให้ท่านผู้อ่าน และต้องขอขอบคุณท่านผู้เขียนเรื่องนี้ที่ไม่ได้ระบุชื่อ ข้อความเรื่องนี้คือ... ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)..อ่านแล้วได้ข้อคิดดีครับ

A speech by Sundar Pichai, CEO Google - an IIT-MIT Alumnus and Global Head Google Chrome

ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขณะที่ นั่งจิบกาแฟอย่างสงบ

อยู่ ๆ ก็มีแมลงสาบ บินจากไหนไม่รู้ บินเข้ามาเกาะผู้หญิงโต๊ะข้างๆ แบบไม่ทันตั้งตัว

ผู้หญิงคนนี้กรีดร้อง กระโดดโลดเต้น โหวกเหวก โวยวาย สะบัดไม้ สะบัดมือ หวังให้แมลงสาบ บินออกไป

ในตอนนั้น ท่าทางที่เธอแสดงออกมา ทำให้เพื่อนๆ ที่นั่งด้วยกัน รู้สึกตกใจและหัวเสียเป็นอย่างมาก

หลังจากเธอใช้ความพยายามสักครู่หนึ่ง แมลงสาบก็บินออกไป

แต่เดี๋ยวนะ!!!

แมลงสาบมันไม่ได้ ไปไหนไกลเลย มันแค่เปลี่ยนเป้าหมายไปเกาะผู้หญิงข้างๆ แทน

ทันทีที่แมลงสาบ เริ่มเกาะอีกคนนึง เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ

ผู้หญิงคนใหม่ ร้องโหวกเหวกโวยวาย กระโดดโลดเต้นพยายามทำทุกวิถีทาง สลัดแมลงสาบ ให้หลุดออกไปเหมือนคนก่อน

เด็กเสิร์ฟเห็นเข้า ก็ตกใจ รีบวิ่งตรงดิ่งมาที่โต๊ะลูกค้าทันที

เหมือนแมลงสาบจะรู้ ว่าเหยื่อรายใหม่กำลังมาแล้ว มันเลยบินออกจากตัวผู้หญิงคนที่สอง แล้วมาเกาะที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นแทน

เหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น......

แทนที่เด็กเสิร์ฟ จะสะบัดแมลงสาบตัวนั้น ทิ้งในทันทีเขากลับยืนมองนิ่งๆ เฉกเช่นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน สังเกตพฤติกรรม การเคลื่อนไหวของแมลงสาบบนเสื้อเขา

เมื่อเด็กเสิร์ฟมั่นใจในทิศทางการเคลื่อนที่ของแมลงสาบแล้ว เด็กเสิร์ฟ จึงค่อยเอามือคว้าแมลงสาบอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำออกไปโยนทิ้งนอกร้านในทันที

สิ่งที่ CEO Google คนนี้ตั้งคำถามคือ แมลงสาบคือต้นเหตุของความโกลาหลครั้งนี้รึป่าว?

ถ้าใช่...แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟคนนี้ถึงยืนนิ่งๆ พร้อมกับรับมือกับเจ้าแมลงสาบตัวนี้ได้อย่างสบายๆ ในขณะที่หญิงสาวสองคนนั้นถึงกระโดดโลดเต้น วิ่งไปมา เพื่อให้แมลงสาบบินออกไป

จริงๆ แล้วปัญหา มันอาจไม่ใช่อยู่ที่ "แมลงสาบ" แต่มันอยู่ที่ความสามารถ ในการรับมือกับปัญหา ที่เข้ามารบกวนมากกว่า

Sundar Pichai เลยเริ่มตระหนักว่า....

ที่ผ่านมา... สิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเขาหัวเสีย ไม่ว่าจะเสียงบ่นจากเจ้านาย พ่อแม่ ลูกค้า หรือ คนใกล้ตัว หรือความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเลยก็เป็นได้

อารมณ์ หรือ ความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้นเกิดจากเราเอง เรานี้แหละ ที่ไม่สามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้เพราะจริงๆ แล้วเราคือคนที่เลือกเองว่าจะรู้สึกยังไงกับสิ่งรบกวนเหล่านั้น

มันไม่ใช่เพราะรถติด แล้วทำให้เราหัวเสีย แต่มันคือปฏิกิริยาของเราที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาต่างหาก บางทีถ้าไม่มีสติ เราอาจหงุดหงิด อารมณ์ร้อนมากยิ่งขึ้น พอรถยิ่งติด เรายิ่งรีบ สุดท้ายบานปลายนำไปสู่อุบัติเหตุรถชน

หรือในกรณีของแมลงสาบ ยิ่งพยายามปัดออกจากเสื้อสุดท้าย มันอาจบินมาเกาะหน้า หรือ บินเข้าปาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณพยายามวิ่งหนี คุณอาจสะดุดล้ม เป็นแผลใหญ่โตก็ได้

ดังนั้น จงจำไว้ว่า... ยิ่งวิธีการรับมือที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ปัญหายุ่งเหยิงใหญ่โต (ผู้เขียนชอบตรงนี้มาก ๆ บางคนมองไวรัสเป็นศัตรู ต้องทำลาย ต้องทำสงคราม มันก็จะส่งผลต่อการใช้อำนาจหน้าที่แบบหนึ่ง แต่ถ้ามองว่าจะอยู่กับมันอย่างไร มันก็จะใช้อำนาจหน้าที่แบบหนึ่ง มาวันนี้เราต้องการเอาชนะหรือเราต้องการใช้ชีวิตแบบต่างฝ่ายต่างไม่ชนะกัน)

สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่แค่การ #React หรือแค่ตอบสนองปัญหา ด้วยสัญชาตญาณ แต่มันต้องเป็นการ #Respond หรือรับมือด้วยกระบวนการคิดที่ถูกต้อง ผ่านการใช้สมองไตร่ตรอง เพื่อควบคุมต้นตอของปัญหา ไม่ให้มันบานปลายเกินแก้ไข (ผู้เขียน ย้ำว่าใช้สมอง สมองคือสติ เหมือนที่ IOD พร่ำบอกว่า บอร์ดคือสมองคือสติ CEO คือหัวใจคือพละกำลัง ในการจะทำสิ่งใดให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ)

คนที่มีความสุข ไม่ใช่เพราะทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมีแต่เรื่องที่ถูกต้อง ตามแผนที่วางไว้หรอกนะ แต่ที่เขามีความสุข เพราะสติและทัศนคติที่ดี ที่มีต่อปัญหาต่างๆในชีวิตมากกว่า

คุณเลือกเอาเองละกัน ว่าอยากรับมือกับปัญหาแบบ React หรือ แบบ Respond

ท้ายที่สุดจากการฟังรายการคุยได้คุยดีในช่วง WFH มาเป็นเวลาปีกว่า ผู้เขียนชอบศีล 5 ของรายการนี้มากครับ ข้อห้ามยามนี้มี 5 เรื่องคือ

1.อย่าโลภ

2.อย่ามักง่าย

3.อย่าเอาแต่ได้

4.อย่าประมาท

5.อย่าโอหัง

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน และขอขอบคุณอีกครั้งกับท่านที่เขียนข้อความเรื่องนี้นะครับ