ลดโลกร้อนผ่าน “กองทุนรวม BCAP-CLEAN”
โดย บรรณรงค์ พิชญากร
กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง
สวัสดีครับเพื่อนๆนักลงทุน หลายคนพอถึงหน้าร้อนทีไรเราก็จะถามเชิงบ่นว่า “ทำไมปีนี้ร้อนจัง?” ครับอากาศร้อนขึ้นทุกปี จากปัญหาเรื่องโลกร้อน ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะครับ เพราะอุณหภูมิโลกที่ปรับขึ้นทุก ๆ องศา หมายถึงน้ำแข็งขั้วโลกละลายจนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ และรวมถึงมนุษย์ ต้องเกิดการอพยพย้ายถิ่นจากน้ำท่วม พืช สัตว์ หลายประเภทเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ สิ่งมีชีวิตเผชิญกับอาหารขาดแคลน ปัญหาโลกร้อนมีมานาน ตัวการสำคัญ คือ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเริ่มจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยพลังงานในการขับเคลื่อนการผลิต โดยใช้พลังงานฟอสซิลมาเผาไหม้ ปัญหานี้มีหลายภาคส่วนในระดับโลกให้ความสำคัญและพยายามจับมือลดปริมาณคาร์บอน เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อนนี้ที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันหมายถึงความเป็นอยู่ของคนรุ่นลูกรุ่นหลานที่อาจจะเลวร้ายหากเรายังปล่อยปละละเลย
หลายคนทราบถึงปัญหานี้แล้วแต่จะเกี่ยวอะไรกับการลงทุน..ครับที่ผมกำลังจะกล่าวต่อ คือ โอกาสที่เติบโตจากธีมนี้อันมีตัวเร่งมาจากข้อตกลงปารีส ที่รัฐบาลหลายประเทศมาร่วมตกลงกันที่จะลดคาร์บอนไดออกไซด์จนเป็น “ศูนย์” ในปี 2050 ซึ่งอันนี้เองเป็นตัวเร่งให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต้องหาทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งแน่นอนว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ การผลิตไฟฟ้า จาก “ฟอสซิล” มาเป็น “พลังงานสะอาด” อุตสาหกรรมการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ส่วนบุคคล หรือขนส่งสาธารณะ จากที่เคยใช้น้ำมัน ต้องเปลี่ยนมาเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยมลพิษอย่างพลังงานไฟฟ้า อุตสาหกรรมเกษตร ปศุสัตว์ต้องมีวิธีการดูแลการปล่อยของเสีย ไม่น่าเชื่อนะครับว่า ของเสียจากการเลี้ยงสัตว์ ก็ส่งผลต่อโลกร้อนไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเสีย จากโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือน ทั้งหมดนี้กำลังจะเปลี่ยนไป จากวิถีเดิมที่เราเป็นสู่วิถีใหม่ ที่จะกระทบหลากหลายอุตสาหกรรม แค่พลังงานก็ถือว่า เป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก ๆ บนโลกนี้ ก็ต้องปรับตัวหาวิธี เพื่อลดของเสีย และ คาร์บอน ตั้งแต่วันนี้จนเป็นศูนย์ในอีก 30 ปีข้างหน้า ตามข้อตกลงปารีส ซึ่งหมายความว่า เม็ดเงินมหาศาลกำลังลงทุน เพื่อลดโลกร้อน จึงเป็นโอกาสที่ใหญ่ ด้วยเม็ดเงิน และยาว คือ กินเวลาต่อเนื่องหลายปี การขับเคลื่อนจากหลาย ๆประเทศ ซึ่งพยายามแข่งขันกันเป็นเจ้าเทคโนโลยีลดโลกร้อน โดยเฉพาะสหรัฐฯที่ได้ คุณโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาขับเคลื่อน หลังจากประเด็นนี้ไม่ได้รับความเหลียวแลจาก คุณโดนัลด์ ทรัมป์ และ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่ตั้งเป้าลดคาร์บอน สร้างเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราเริ่มเห็นโอกาสแล้วใช่ไหมครับธุรกิจที่ขับเคลื่อนการลดคาร์บอนลดโลกร้อนมีอะไรบ้าง พอพูดถึงคาร์บอนอันดับแรกเลย หลายคนคิดถึงรถยนต์ขนส่ง เพราะใกล้ตัว ธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่มาก ผู้ผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันหลายยี่ห้อ ก็เปลี่ยนมาลงทุนวิจัยด้าน EV Car มากขึ้น มีผู้เล่นรายใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้ง Tesla, NIO, Xpeng เข้ามาในตลาดนี้ด้วย และก็มีอุตสาหกรรมต่อเนื่อง คือ Battery หัวจ่าย ที่ชาร์จการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้มีสูงมาก จากปัจจุบันสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนมีไม่ถึง 10% แต่ประเมินว่า อีก 20 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถน้ำมัน ธุรกิจรถไฟฟ้ามีโอกาสที่ยอดขายจะเติบโตได้ 5-6 เท่าตัวทีเดียว ส่วนธุรกิจการผลิตไฟฟ้า ก็มีโอกาสอีกมากจากเดิมที่ใช้ถ่านหินและแก๊สธรรมชาติ ก็หันไปด้านพลังงานหมุนเวียนทดแทนมากขึ้น ซึ่งมีผู้เล่นระดับโลกหลายเจ้า โดยเฉพาะฝั่งจีนที่เป็นเจ้าตลาดการผลิตแผงโซล่าเซลล์ และเสากังหันพลังงานลม ปัจจุบันทั่วโลกใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า (ไม่รวมพลังงานน้ำ) มีไม่ถึง 10% ด้วยมาตรการลดคาร์บอนก็จะทำให้การผลิตไฟฟ้า ด้วยพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 30-40% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างน้อย 2-3 เท่าตัว
ธีมพลังงานสะอาดลดโลกร้อนมีโอกาสเติบโตสูงมากและมีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติทาง กองทุนบีแคป ได้ออกกองทุนชื่อ “BCAP-CLEAN” ที่กระจายในอุตสาหกรรมที่ช่วยลดโลกร้อน ผ่านกองทุน ETF ที่มีจุดเด่น คือ กระจายในหลากหลายอุตสาหกรรม และบริษัททั่วโลก โดย ETF ที่ลงทุนมีการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือตราสารของบริษัทที่ได้ประโยชน์ จากการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรม เพื่อช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เช่น Clean Energy, Electric Vehicles (EV), Circular Economy & Waste Management, Energy Storage เป็นต้น ซึ่งถ้าเราเชื่อเรื่องการเติบโตของธุรกิจนี้ กองทุน BCAP-CLEAN กองนี้ตอบโจทย์ โดยจะเริ่ม IPO ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. - 4 ก.ค.นี้ ผ่านธนาคารกรุงเทพ และหลักทรัพย์บัวหลวง นอกจากมีโอกาสเติบโตแล้ว คุณยังสนับสนุนให้ธุรกิจที่ช่วยลดโลกร้อน เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังด้วยครับ