posttoday

ติดตามพัฒนาการกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

01 มีนาคม 2564

คอลัมน์ มันนี่วีก (Money week)โดย...สรรค์ อรรถรังสรรค์, พินทุ์ณาดา กิตติวาณิชย์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่าเงินบาทมีปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มการแข็งค่าโดยประเมินกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ 30.00-30.50 ตลาดการเงินยังคงติดตามแนวโน้มการผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวุฒิสภาสหรัฐฯ มีกำหนดลงมติในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ ตลาดรอติดตามการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของนานประเทศ และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อไทย ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางออสเตรเลียมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.1%

ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยทยอยอ่อนค่ามาอยู่เหนือระดับ 30.00 สอดคล้องกับเงินเยนและเงินวอนเกาหลีใต้ที่อ่อนค่าเช่นกัน ทั้งนี้ เงินบาทไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากดุลการค้าตามระบบศุลกากรเดือนมกราคมที่ออกมาขาดดุล และอัตราการขยายตัวของการส่งออกต่ำกว่าที่ตลาดคาด เนื่องจากเมื่อไม่รวมทองคำ น้ำมัน และอาวุธ การส่งออกขยายตัวเร่งขึ้นมาที่ 7.57%YoY จาก 5.81%YoY การส่งออกอาหารและอุตสาหกรรมบางประเภทขยายตัวเร่งขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ผักผลไม้ รถยนต์ และผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนการส่งออกที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้านและอุปกรณ์ทางการแพทย์ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ยังทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนที่วัคซีน Sinovac ได้ส่งถึงไทยตามกำหนดที่ 24 กุมภาพันธ์ ทำให้เกิดความคาดหวังจะเริ่มฉีดวัคซีน

ด้านปัจจัยต่างประเทศ คำแถลงของเจอโรม โพเวล ประธานเฟดต่อรัฐสภาในช่วงวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โพเวลพยายามลดความกังวลต่อเงินเฟ้อสูงของตลาด โดยกล่าวว่า เฟดจะยังไม่หยุดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจจะห่างไกลจากเป้าหมายอัตราการว่างงานและเงินเฟ้อ และดูเหมือนต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะบรรลุเป้าหมาย จึงไม่กังวลว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงอย่างถาวร แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะออกออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้มีความเห็นจากเฟดว่าจะคงการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดของไทย เงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจัยของดัชนีค่าเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และราคาทองคำที่ลดลงอย่างมากเป็นสำคัญ เมื่อตลาดคาดหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อป ประกอบกับองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของ Johnson & Johnson เป็นวัคซีนที่ใช้ในภาวะฉุกเฉินเป็นตัวที่ 3 เงินบาทเคลื่อนไหวทรงตัวในช่วงปลายสัปดาห์และปิดตลาดที่ระดับ 30.43 ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 12.00 น.)

ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสหรัฐฯ อายุ 10ปี ปรับขึ้นทะลุระดับ 1.40% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา และปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 1.30% ซึ่งตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกยังคงถูกกดดันจากธีม Reflation กล่าวคือการปรับตัวเพิ่มขึ้นของพันธบัตรสหรัฐนั้นเกิดจากการคาดการณ์เงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ตลาดกลับมาสู่โหมดเปิดรับความเสี่ยงทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นมาที่ 91.3 จาก 89.3 ในเดือนก่อน และสูงกว่าตลาดคาดที่ 90.0 เป็นสิ่งสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเห็นของนายพาวเวล ที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทุกช่วงอายุสอดคล้องกับปัจจัยในต่างประเทศ ขณะที่ตัวเลขการส่งออกไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดในเดือนมกราคม โดยขยายตัวเพียง 0.35%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.7%YoY และต่ำกว่าเดือนก่อนที่ 4.71%YoY ซึ่งจะเห็นว่าถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังดูไม่ค่อยดีนัก แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยก็ไม่อาจฝืนทิศทางของตลาดโลกได้ โดยสิ่งที่ต้องติดตามคือการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของประเทศเศรษฐกิจหลัก อาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรรัฐบาลไทยและหันกลับไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของต่างประเทศ ทำให้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.52% 0.64% 0.75% 1.08% 1.40% และ 1.77% ตามลำดับ

ติดตามพัฒนาการกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

กระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิประมาณ 1,624 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 427 ล้านบาท ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 1,164 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 33 ล้านบาท