จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดทุนจีน...ในช่วงตรุษจีน

1. โดยปกติแล้วช่วงเทศกาลตรุษจีนที่เป็นวันหยุดยาว หรือ Golden Week กิจกรรมทางธุรกิจจีนด้านการบริโภค และการเดินทางจะคึกคักมากถึงมากที่สุด ด้วยประชากรจีนมากกว่า 1 พันล้านคน เดินทางกลับบ้านเกิด และจับจ่ายใช้สอยกันทั่วประเทศ แต่โดยมากผลกระทบต่อตลาดทุนจะหมายถึงความผันผวนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนตั้งแต่ต้นปีก็ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มในปีที่แล้ว ที่เศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวดีหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยตั้งแต่ต้นปี ดัชนี CSI 300 และดัชนี HSCEI ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 5.6% และ 8.1% ตามลำดับ*

2. ส่วนมากตลาดหุ้นจีนมักจะปรับตัวลงก่อนวันปิดตลาดซื้อขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้เพราะจะมีนักลงทุนต้องการทำกำไรบางส่วนเพื่อเอาเงินสดออกมาใส่ซองแดงแจกจ่าย หรือจับจ่ายใช้สอย โดยหากย้อนกลับไป 5 ปีหลัง (2016-2020) เราพบว่าในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนตรุษจีน ตลาดหุ้นจีนผ่านดัชนี CSI 300 จะปรับตัวลง 2% โดยเฉลี่ย ดังนั้น เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบให้หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น PBoC จึงมักจะอัดฉีดเงินเข้ามาเพิ่มเติมก่อนเทศกาล

3. ด้านปริมาณการซื้อขายแน่นอนว่าจะน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ จากสถิติเราจะสามารถสังเกตได้ชัดเจนตั้งแต่ช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนตรุษจีนที่ปริมาณซื้อขายจะค่อยๆ ลดลงต่อเนื่อง จนปริมาณการซื้อขายมักแตะจุดต่ำสุดในวันแรกของการกลับมาเปิดตลาดซื้อขายหลังช่วงหยุดยาว และมักจะใช้เวลาประมาณ 7 วันซื้อขายหลังกลับมาเปิดตลาดเพื่อให้ปริมาณการซื้อขายรายวันกลับเข้าสู่ระดับปกติ

4. ดังนั้น ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ค่อยๆ น้อยลง การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นก็จะผันผวนสูงขึ้น ดังที่สะท้อนจากการพิจารณาค่าความผันผวนระยะ 10 วันของดัชนี CSI 300 โดยเฉลี่ยในช่วง 5 ปีหลังที่ผ่านมา (2016-2020) เราจะพบว่าในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ ระดับความผันผวนจะเพิ่มขึ้นราว 6% และ 7% ตามลำดับ หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม และเมษายน แนวโน้มระดับความผันผวนของดัชนี CSI 300 ก็จะเริ่มปรับลดลง

5. เราทราบกันดีว่าประเพณีการแจกเงินสดในซองแดงช่วงตรุษจีนถือว่ามีความสำคัญมาก ความต้องการของเงินหยวนที่สูงขึ้นในช่วงนี้จึงผลักดันให้ค่าเงินหยวนมักแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นปี โดยเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (2016-2020) ในเดือนมกราคมของทุกปีค่าเงินหยวนมักแข็งค่าขึ้นราว 1.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

6. สินค้าโภคภัณฑ์ก็มีผลกระทบเช่นกัน โดยมีทั้งผู้ได้ประโยชน์อย่างทองคำที่ก็มักถูกแจกจ่ายให้สมาชิกในครอบครัวนอกเหนือจากเงินสด ราคาทองคำจึงมักปรับตัวขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรมอย่างเหล็ก หรืออะลูมิเนียมกลับเป็นผู้เสียประโยชน์ และมักจะปรับตัวลง จากอุปสงค์ที่ลดลงเมื่อโรงงานการผลิตในจีนปิดทำการช่วงตรุษจีน

7. ด้านการค้า แน่นอนว่าจีนที่เป็นโรงงานผลิตของโลกย่อมสร้างผลกระทบเมื่อโรงงานอุตสาหกรรมต้องลดกำลังการผลิตลง หรือปิดดำเนินการผลิตในช่วงตรุษจีน จึงมักทำให้กิจกรรมการส่งออกชะงักลง บริษัทหรือประเทศคู่ค้าจึงจำเป็นต้องสั่งสินค้าล่วงหน้าในช่วงปลายปี และมีการบริหารจัดการที่แม่นยำขึ้น รวมถึงค่าขนส่งระหว่างประเทศก็มักจะสูงขึ้นก่อนเทศกาลตรุษจีนด้วย โดยจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (2016-2020) การส่งออกจีนจึงมักชะลอตัวลงในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ที่ระดับ -13% และ -26% ตามลำดับ

8. ข่าวร้ายในปีนี้ คือมาตรการควบคุมโรคโควิด 19 ด้วยการจำกัดการเดินทางในช่วงเทศกาลหลังการแพร่ระบาดกลับมารุนแรงขึ้นในช่วงฤดูหนาว คาดว่าจะทำให้การท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนปีนี้หดตัวกว่า 60% โดยในวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันเริ่มต้นช่วงเดินทางที่ปกติจะกินเวลา 40 วัน (15 วันก่อนตรุษจีนรวมกับ 25 หลังตรุษจีน) ในวันเดียวมีผู้คนเดินทางเพียง 18.1 ล้านคนเทียบกับ 69.6 ล้านคนในปี 2020 และ 67.5 ล้านคนในปี 2019 แม้ว่าการจำกัดการเดินทางส่วนหนึ่งจะทำให้กิจกรรมทางภาคอุตสาหกรรมดำเนินมากกว่าปกติ โดยภาคการผลิตรวมถึงภาคการก่อสร้างจะทำธุรกิจได้ยาวขึ้นในปีนี้ แต่ก็คาดว่าจะไม่สามารถหักลบผลกระทบทางเศรษฐกิจทางลบได้ทั้งหมด

9. ดังนั้น เราจึงมองว่ามาตรการจำกัดการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2021 จะกดดันภาคการบริโภคระยะสั้น และคาดว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงมาตรการจำกัดการเดินทางจะถูกผ่อนปรนได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี โดยทั้งปี 2021 เรายังมองว่าภาคการบริโภคจะกลับมาแข็งแกร่ง และเป็นแรงหนุนสำคัญของ GDP จีนได้

10. สำหรับ KBank Private Banking เรายังคงชอบการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยมองว่าการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นจีนหลายๆตลาดจดทะเบียนเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในปีนี้ เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-share อย่างเดียว เนื่องจากราคาพื้นฐานของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในภูมิภาคอื่นยังคงน่าสนใจ

* ข้อมูล ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2021