posttoday

จัดพอร์ตดี – ปี 2020 นี้ก็ยังไหว

06 มีนาคม 2563

คอลัมน์ Wealth Design โดย...ธัญญา โลหะนันทชัย, CFP? ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ผู้วางแผนการลงทุน สายงาน Product & Platform บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด

ตั้งแต่ต้นปี 2020 จนจบเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต้องถือว่าเป็นสองเดือนที่ยากลำบากของนักลงทุนเลยทีเดียว ในด้านหนึ่งอัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ก็ได้ลดลง ยิ่งคนที่เกษียณในช่วงเวลานี้ก็บอกได้เลยว่าต้องทำใจเพราะผลตอบแทนจากดอกเบี้ยนั้นต่ำมากและยังจะคงอยู่ในระดับต่ำอย่างนี้อีกพักใหญ่ นั่นจึงเป็นปัจจัยที่ผลักนักลงทุนให้เสี่ยงมากขึ้นเพื่อหาผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ในปี 2020 พอออกมาเสี่ยงมากขึ้น กลายเป็นว่าต้องเผชิญกับภาวะตลาดที่ผันผวนและบาดเจ็บกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ถ้าหากเราดูสถิติย้อนหลังที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนในระดับที่สูง แต่ความผันผวนก็สูงด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นสองเดือนแรกของปี 2020 ใครที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยต้องบอกว่าเหนื่อยใจกันเลยทีเดียว เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบตลาดแบบต่อเนื่องจนทำให้ตลาดหุ้นไทยนับแต่ต้นปีปรับตัวลดลงถึง 14.73% โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี โดยการซื้อกองทุนรวม LTF เมื่อช่วงปลายปี 2019 ซึ่งกองทุนรวม LTF เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลัก ช่วงนี้อาจจะต้องทนความผันผวนและอดทนถือหน่วยลงทุนกันไปก่อนเพราะอย่างไรก็ดี LTF นั้นต้องถือยาวถึง 7 ปีปฏิทิน

แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบความผันผวนในระยะสั้นจึงเลือกวิธีการจัดพอร์ตโฟลิโอแบบกระจายความเสี่ยง โดยลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลงมา และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงก็จะได้รับผลกระทบตอนช่วงตลาดปรับตัวลงเช่นกันนะครับ แต่อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนกับคนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีปีที่แล้ว แทนที่จะลงทุนใน LTF เพียงอย่างเดียวแต่แบ่งเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนในกองทุนรวม RMF และเลือกกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ หุ้นทั่วโลก ทองคำ หน่วยลงทุนอสังหาฯ ฯลฯ ก็จะช่วยให้การปรับตัวลดลงของพอร์ตลงทุนไม่รุนแรงมากนัก และถ้าตลาดปรับตัวลดลงจนถึงระดับที่น่าสนใจก็จะยังมีเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้เอาไว้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปช้อนซื้อกองทุน RMF ที่เป็นหุ้นได้อีกด้วย

นอกจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีแล้ว ในด้านของพอร์ตกองทุนรวมเพื่อการลงทุนก็ควรที่จะมีการจัดพอร์ตโฟลิโอเพื่อกระจายการลงทุนเช่นกัน ถ้าหากนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) SET Index ให้ผลตอบแทน -14.7% แต่ถ้าหากมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนเป็นแบบระดับความเสี่ยงปานกลาง (ลงทุนในหุ้น 45%) พอร์ตโฟลิโอให้ผลตอบแทน -5.3% และสำหรับพอร์ตการลงทุนแบบความเสี่ยงสูง (ลงทุนในหุ้น 75%) พอร์ตโฟลิโอให้ผลตอบแทน -8.8% ดังนั้นประโยชน์ของการการจัดพอร์ตโฟลิโอนอกจากจะสามารถช่วยบรรเทาภาวะการขาดทุนของนักลงทุนในเชิงตัวเลขได้แล้ว มูลค่าการลงทุนที่ปรับตัวลดลงที่น้อยกว่าตลาดยังช่วยลดผลกระทบเชิงจิตใจของผู้ลงทุนได้ด้วยเช่นกัน

ถ้ามองย้อนหลังไปยาวถึงช่วงวิกฤตแฮมเบอเกอร์ปี 2008 หากเราลงทุนในกองทุนดัชนี SET50 ผลขาดทุนจริงสูงสุด (Maximum drawdown) จะขาดทุนลึกสูงสุดถึง 59.9% และจะต้องรอประมาณ 733 วันทำการจนกว่ามูลค่าการลงทุนจะกลับมาที่เดิมหรือไม่ขาดทุน แต่ถ้าหากเรามีการจัดพอร์ตโฟลิโออย่างเหมาะสมอยู่ระดับความเสี่ยงปานกลาง หรือเสี่ยงสูง ก็จะช่วยบรรเทาให้ Maximum drawdown ไม่ลึกเท่าตลาด คือ 26.8% และ 39.2% ตามลำดับ จากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่าการกระจายความเสี่ยงนั้นไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันสามารถช่วยบรรเทาให้อุบัติเหตุทางด้านการลงทุนไม่รุนแรง และเมื่อพอร์ตการลงทุนปรับตัวลดลงก็จะลึกไม่มากเหมือนตลาด การที่นักลงทุนจะแก้พอร์ตลงทุนให้กลับมาที่เดิมนั้นจะไม่ยากลำบาก และระยะเวลาที่ทนเห็นพอร์ตติดลบก็จะน้อยกว่าด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอจะลดสัดส่วนของการลงทุนในหุ้นลงเพื่อไปถือสินทรัพย์อื่น ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังของการลงทุนก็จะต้องลดลงตามระดับ ส่วนการพิจารณาว่าควรจะลงทุนพอร์ตโฟลิโอแบบไหนดี เราก็ควรพิจารณาเลือกพอร์ตโฟลิโอที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่เราสามารถยอมรับได้

โดยสรุปแล้วการกระจายความเสี่ยงและจัดพอร์ตโฟลิโอลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เราควรจัดพอร์ตโฟลิโอให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงของตัวเองที่สามารถยอมรับได้ ซึ่งจะเป็นเหมือนภูมิต้านทานช่วยทำให้พอร์ตลงทุนของเรามีความผันผวนที่น้อยลง ในด้านสภาพจิตใจของผู้ลงทุนก็จะเห็นมูลค่าลงทุนที่ผันผวนน้อยลงและสามารถถือพอร์ตลงลงทุนในระยะยาวจนบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้ สำหรับบล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) มีบริการ ROBO ADVISOR ซึ่งเป็นบริการวางแผนการลงทุนและจัดพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ ช่วยสร้างพอร์ตการลงทุนได้ง่ายๆโดยมีผู้เชี่ยวชาญและระบบ AI ช่วยจัดพอร์ตให้ เริ่มต้นเพียง 3,000 บาทเท่านั้น

บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ขอแนะนำบริการ ROBO ADVISOR สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBS Call Center 02 949 1999 หรือ www.scbs.com/roboadvisor