ภาริอร วัชรศิริ ชีวิตเปลี่ยนวันแม่ป่วย
เสียงปลายสายดูสดใสเหมือนตัวหนังสือที่เธอเขียน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปขอลายเซ็นด้วยตัวเอง เพราะเธอต้องดูแลแม่ที่บ้านอย่างใกล้ชิด
โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย
เสียงปลายสายดูสดใสเหมือนตัวหนังสือที่เธอเขียน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปขอลายเซ็นด้วยตัวเอง เพราะเธอต้องดูแลแม่ที่บ้านอย่างใกล้ชิด
พาย-ภาริอร วัชรศิริ ผู้เขียน How I love MY MOTHER วัย 25 ปี ลูกสาวที่เคยถูกเลี้ยงอย่างสปอยล์ต้องพลิกชีวิตตัวเองกะทันหัน ตั้งแต่วันที่แม่เส้นเลือดในสมองแตกและกลายเป็นอัมพฤกษ์ เหมือนพายุลูกใหญ่ที่พัดโถมเข้ามา แต่แทนที่จะวิ่งหนีปัญหา เธอกลับเล่นน้ำฝนอย่างสบายใจ รอจนพายุผ่านไปเพื่อจะได้เห็นสายรุ้งสวยงาม
ความเจ็บปวด
พายเล่าว่า แม่เริ่มป่วยตอนเธออายุ 16 ปี เป็นอัมพฤกษ์ซีกซ้าย จากอาการเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งก่อนหน้านั้นท่านเคยไปตรวจร่างกายแล้วพบว่าเป็นความดันสูง แต่ไม่ได้รับยาสม่ำเสมอ ผสมกับความเครียด นอนน้อย ทำงานหนัก จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งแม่และพาย
“แม่ทำงานอยู่ดีๆ ก็ล้มจากเก้าอี้ แล้วขยับไม่ได้ครึ่งซีกแบบมีใครมาผ่าครึ่งซ้ายขวา” เธอเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น “แต่กว่าที่พายจะรู้ว่าแม่เป็นอะไรใช้เวลานานมาก เพราะไม่มีใครกล้าบอก ไม่มีใครบอกว่าแม่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีใครบอกว่าต้องดูแลแม่ไปตลอดชีวิต แค่แม่จะผ่าตัดยังไม่มีใครกล้าบอกพายเลย”
แม่ต้องผ่าตัดนำเลือดที่คั่งในสมองออก เชื่อมเส้นเลือดที่แตก และต้องฟื้นฟูตัวพักใหญ่ ใช้เวลารักษาที่โรงพยาบาลเกือบสองเดือน สลับกันระหว่างห้องไอซียูและห้องปกติ ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่แม่เข้าโรงพยาบาล ชีวิตประจำวันของพายของเปลี่ยนไป จากทุกเช้าที่แม่ขับรถไปส่งและรับกลับจากโรงเรียน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเดินทางด้วยตัวเอง และทุกวันต้องรีบกลับบ้านมาดูแลแม่เป็นแบบนี้มาตลอด 9 ปี
“ความทุกข์ในชีวิตเรามันเป็นชีวิตเราก็จริง แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทุกข์จนทำสิ่งใดไม่ได้อีกแล้ว ทุกข์ก็คือทุกข์ ถ้าคุณมีเหตุผลให้ทุกข์ก็ทุกข์ แต่ด้านอื่นไม่จำเป็นต้องทุกข์ด้วย” เธอกล่าว
ความห่วงใย
หลังจากที่แม่กลับมาพักฟื้นที่บ้าน หน้าที่ของเธอคือ ทำทุกอย่าง ตั้งแต่อาบน้ำ แต่งตัว เปลี่ยนผ้ารองขับถ่าย ป้อนอาหาร ทำกายภาพ อ่านหนังสือให้แม่ฟัง พาแม่ไปโรงพยาบาล และนอนอยู่ข้างๆ แม่ทุกคืน ซึ่งทุกอย่างที่เธอทำไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่แม่ทำให้เธอในวัยเด็ก
“จากเด็กที่ถูกสปอยล์มาตลอด วันหนึ่งต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง มันเหมือนพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ วันที่พายต้องลุกขึ้นมาทำทุกอย่างถึงได้รู้ว่าการเป็นแม่ไม่ง่ายเลย ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทำทุกอย่างตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องตื่นแต่เช้ามาคั้นน้ำผลไม้ให้ลูกตอนตีห้า หรือต้องเตรียมถุงเท้ารองเท้าให้ลูกทุกวัน พายเพิ่งระลึกถึงความรักของแม่ที่มีให้กับเราในวันที่เราทำหน้าที่นั้น สิ่งที่เราได้รับมาตลอด 16 ปีมันโคตรพิเศษเลยแต่พายไม่รู้ตัว”
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เธอคิดถึงเรื่องในวัยเด็ก อย่างวันที่แม่ลุกขึ้นมาอาเจียนตอนตีสาม แล้วแม่ขอโทษที่ทำให้ลูกลำบาก เธอกลับนึกย้อนกลับมาตอนยังเล็กว่าเธอก็เคยงอแง ตื่นมาร้องไห้กลางดึก ดังนั้นการตื่นขึ้นมาตอนตีสามเพื่อดูแลคนข้างๆ ไม่ใช่ความรู้สึกโกรธ แต่คือความรู้สึกเป็นห่วงมากๆ ซึ่งเธอเพิ่งเข้าใจความรู้สึกแม่ในตอนนั้นอย่างแจ่มชัดก็ตอนนี้เอง
นอกจากการดูแลแม่ เธอยังเริ่มทำงานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปี 2 ซึ่งเธอทำมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ไม่สามารถทำงานนอกบ้านได้ ไม่สามารถทำงานพาร์ตไทม์ได้ เธอจึงใช้ความสามารถด้านการเขียนไปเป็นคอลัมนิสต์ให้นิตยสารวัยรุ่น และปัจจุบันเธอเป็นนักเขียนให้เว็บไซต์แต่งงาน และเป็นเจ้าของหนังสือเรื่อง How I love MY MOTHER กับสำนักพิมพ์บันบุ๊คส์
ความสุข-ทุกข์
ตอนนี้พายอายุ 25 ปี ผ่านช่วงวัยรุ่นเฟี้ยวฟ้าวมาอย่างเรียบง่าย เพราะชีวิตของเธอมีแค่มหาวิทยาลัยกับบ้าน “เพื่อนเคยแซวว่า จะไม่เห็นพายหลังพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นคำที่ถูกต้องมาก เพราะหลังจากเรียนเสร็จสี่ห้าโมงเย็น พายก็ซื้ออาหารกลับบ้านแล้ว บอกตรงๆ ว่าเสียดายชีวิตมหาวิทยาลัยนะ แต่ไม่เสียใจ เพราะสุดท้ายสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งคือแม่ต้องมาก่อน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พายก็ต้องเลือกแบบนี้อยู่ดี มันถูกแล้วที่เลือกแบบนี้”
ระยะเวลา 9 ปีที่แม่ป่วย ถามว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือไม่ เธอตอบตามตรงว่า ไม่ หลายคนอยากให้แม่ฝึกเดิน แต่แม่เคยเดินแล้วล้มหัวแตกหลังจากนั้นก็ไม่ยอมเดินอีกเลย ซึ่งเธอเข้าใจและไม่บังคับแม่ จึงหาวิธีกายภาพอย่างอื่นที่แม่รู้สึกปลอดภัยและทำอย่างไรก็ได้ให้แม่มีความสุขและอยากมีชีวิตอยู่
“พายต้องทำให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ในสภาวะแบบนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก จากคนที่เคยทำทุกอย่างได้ว่องไวกลายเป็นทำอะไรไม่ได้เลย มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยสำหรับผู้หญิงอย่างแม่ ดังนั้นการให้กำลังใจคนป่วยเป็นทางที่ดีที่สุด”
ความหวังสูงสุดของพายคือ ทำงาน เก็บเงิน แล้วพาแม่ไปเที่ยว เพราะสุดท้ายแล้ว พายไม่อยากให้แม่จากไปโดยจำภาพห้องนอนสี่เหลี่ยม ถ้าแม่ขึ้นเครื่องบินไม่ได้ ก็จะพาแม่ขึ้นรถไปทะเล ไปสร้างช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน เธอจะไม่ให้แม่เป็นคนป่วยที่ทุกข์
“พายจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด และแม่จะเป็นคนที่มีสุขภาพดีที่สุด และมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด”
ถึงอย่างไรทุกคนย่อมมีช่วงเวลาอ่อนแอ เธอเคยร้องไห้ฟูมฟายในช่วงแรก หลังจากนั้นก็มีร้องไห้บ้างประปราย แต่เป็นการเสียน้ำตาอย่างมีสติ เมื่อหยุดก็พร้อมกลับมาแก้ปัญหา ผิดกับแม่ของเธอที่ไม่เคยร้องไห้ให้เธอเห็นเลยสักครั้ง เป็นการสะท้อนให้เธอเห็นว่า คนป่วย ป่วยแต่กาย แต่ใจไม่ป่วย คนเป็นแม่ก็เหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นคนป่วยแต่ก็ยังเป็นแม่ คอยเป็นกำลังใจให้ลูกสาวเสมอ
“ทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์ สุขก็อยู่ส่วนสุข” ทุกวันนี้ตัวตนของพายยังเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดี และพร้อมที่จะถ่ายทอดพลังงานบวกให้คนรอบข้างเสมอ “ทุกอย่างในชีวิตมันอยู่ที่วิธีการมอง บางเรื่องที่ทุกข์มาก แต่ถ้าเรามองหาด้านดีให้เจอ เชื่อว่าทุกเรื่องมันมี อย่าไปเครียดกับความทุกข์ อย่างพาย พายต้องสร้างบรรยากาศในบ้านให้มีความสุข มีการหยอดมุขใส่กัน พูดเรื่องตลกกัน ทุกคนในบ้านไม่มีใครเป็นทุกข์เลย
ทุกวันนี้พายถามแม่ว่าแฮปปี้ไหม แม่บอกแฮปปี้ ถามว่าเต็มสิบแม่ให้เท่าไหร่ แม่ให้สิบสอง เราจะทำอย่างไรให้มีความสุขในความทุกข์นั้นต่างหากดีที่สุด”
ความรัก
เมื่อคิดถึงวันสุดท้ายที่มีแม่อยู่บนโลกนี้ เธอคิดออกเลยว่าวันนั้นจะเสียใจมากแค่ไหน และคงทำใจได้ช้าแต่สุดท้ายจะกลับมาแข็งแรง ทว่าสิ่งที่เธอมั่นใจที่สุดคือ เธอจะไม่เสียใจภายหลัง เพราะทุกวันนี้เธอทำทุกอย่างเพื่อแม่เต็มที่แล้ว
“ความสุขของพายคือการได้อยู่บ้านกับแม่ เพราะใจพายอยู่ที่แม่ เวลาอยู่บ้านก็จะรู้สึกอุ่นใจ พายเชื่อว่าทุกคนก็คงเหมือนกัน แม้ว่าจะอยากออกเดินทางไปสู่โลกกว้างแค่ไหน สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องกลับบ้าน ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่บ้านอยู่กับคนในครอบครัวที่ใกล้ตัวเราแค่นี้เอง”
ใครที่กำลังอ่านแล้วรู้สึกเศร้า เธอฝากบอกว่า เธอกำลังมีความสุขกับการใช้ชีวิต และไม่อยากให้ชีวิตของเธอเป็นเรื่องเศร้าที่ทำให้คนเสียน้ำตา แต่อยากเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะกอนอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว และเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองว่า How I love MY MOTHER