“แตงโม” เปิดใจครั้งแรก หลังสูญเสีย “คุณพ่อโสภณ” คิดถึงขนาดต้องเอากระดูกท่านแปะตู้เย็น
“แตงโม” เผยเรื่องราวต้องเซ็นยินยอมไม่ให้ยื้อชีวิตพ่อ ทุกวันนี้เอากระดูกพ่อแปะตู้เย็น ไว้มองเวลาคิดถึง
หลังจากที่นักแสดงสาว “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” ได้สูญเสีย “คุณพ่อโสภณ พัชรวีระพงษ์” ที่จากไปในวัย 71 ปี ด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะที่ 4 อย่างไม่มีวันกลับ ล่าสุดสาว “แตงโม” ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และสภาพจิตใจของตัวเอง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ show ทางช่อง one 31 ให้ได้ฟังกันเป็นครั้งแรก
เป็นยังไงบ้าง ?
แตงโม : ตอนนี้ทำใจได้เยอะแล้วนะคะ ตอนนี้คุณพ่อจากไปประมาณ 2 อาทิตย์ จริง ๆ ก็เริ่มทำใจมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่คุณพ่อป่วย เพราะคุณหมอบอกไว้แล้วว่าจะอยู่ได้แค่ประมาณเดือนเดียว
ท่านรู้ไหม ?
แตงโม : รู้ค่ะ เขาก็ทรุด เพราะว่าใจเขาจะแบบพอรู้ว่าตัวเองเป็นหนัก ใจเขาจะค่อนข้างอ่อนแอ เหมือนแบบท้อ
เราทำใจได้แล้ว แต่เราก็ยังอยู่คนเดียวไม่ได้ ?
แตงโม : ยังอยู่คนเดียวไม่ได้ค่ะ คืออยู่คนเดียวแล้วคิดถึงพ่อมากเลย มันไม่มีที่ปรึกษาแล้ว มันไม่มีคนคุยด้วยแล้วในเรื่องราวต่าง ๆ ไม่มีคนแชร์ประสบการณ์ ก็มีเหงาคิดถึงพ่อ ทุกวันนี้ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เวียนมาอยู่ด้วย
ซื้อบ้านติดกับคุณพ่อ แล้วเวลากลับไปเห็น ?
แตงโม : ตอนนี้รู้สึกว่าบ้านสองหลังติดกัน เมื่อก่อนนี้มันเคยพอดี ตอนนี้พอคุณพ่อไม่อยู่ แฟนคุณพ่อก็ออกไปด้วย เหลือเราคนเดียวแล้วบ้าน 2 หลัง มันว้าเหว่มากเลย
แล้วตอนนี้อยากขายไหมสักหลัง ?
แตงโม : จริง ๆ รักบ้านหลังนี้มาก เป็นทาวน์โฮมติดกันแล้วก็เจาะทะลุ อาจจะทำเป็นสตูดิโอก็ได้ให้คนมาเช่าถ่ายรูป
คุณแม่เป็นยังไงบ้าง ?
แตงโม : คุณแม่พอ ๆ กันค่ะ อาจจะทำใจไม่ค่อยได้เท่าโม คุณแม่ค่อยข้างอ่อนไหว เขาเหมือนยังคิดถึงอยู่ ยังทำใจไม่ได้ที่พ่อจากไปเร็ว
การที่เราสูญเสียคุณพ่อไป มันมีผลต่อโรคซึมเศร้าเราไหม ?
แตงโม : ตอนแรกคิดว่ามันจะมีแบบเยอะ ๆ เลยนะ แต่มันไม่มี ตอนแรกโมคิดว่าโมต้องตายแน่เลย โมไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร แต่พอเอาเข้าจริง ๆ คริสเตียนเราเชื่อว่าถ้าใครที่เสียชีวิตแล้ว จะได้อยู่พระสวรรค์ พอเรารู้อยู่แล้วว่าพ่อเราเสียแล้วไปอยู่กับพระเจ้า เราก็เลยไม่รู้จะเศร้าไปทำไม ไม่รู้จะเสียใจไปทำไมนาน ๆ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งเราจะกลับไปเจอกันที่นั่น
ตอนที่ท่านมารายการ ท่านยังดูแข็งแรงอยู่เลย ?
แตงโม : ทรุดเร็วมาก โมก็ยังตกใจเหมือนกัน เขามีโรคแทรกซ้อน มีปอดรั่ว วันหลัง ๆ เริ่มปัสสาวะเป็นหนอง เริ่มหายใจไม่ออก เริ่มตัวร้อน เห็นท่าไม่ดีก็เลยส่งโรงพยาบาล แล้วอยู่ได้ 2 วันคุณพ่อก็ไป
มะเร็งลามไปถึงกระดูก ?
แตงโม : ใช่ ช่วงสุดท้ายที่คุณพ่ออยู่บ้านเป็นเหมือนผู้ป่วยติดเตียงแล้ว ไม่สามารถขยับได้ เพราะเขาเจ็บกระดูกมากต้องใช้อุ้มกันเลย เขาบอกเขาเจ็บไปทั้งตัวเลย เขายอมแพ้แล้วไม่ไหว
หลังจากที่รู้ว่ามีโรคเข้ามาแทรกซ้อน พ่อได้พูดอะไรกับเราไหม ?
แตงโม : ไม่ได้พูดค่ะ เขาจะเงียบ ๆ คือช่วงที่เขาป่วยติดเตียงเขาจะกึ่งความจริง กึ่งความฝัน เขาจะมีอาการเบลอแล้ว จะเล่าอะไรไม่ค่อยถูก
คิดไหมตอนที่พ่อไปโรงพยาบาลนั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย ?
แตงโม : ไม่คิดค่ะ คิดว่าเดี๋ยวกลับมา โมคิดว่าพ่อน่าจะอยู่เป็นปี ๆ เพราะบางวันพ่อก็สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก วันที่ไปให้เลือดก็รู้สึกดีมาก
เขาเริ่มคุยกับเราไม่รู้เรื่องตอนไหน ?
แตงโม : ช่วง 2 เดือนสุดท้าย เขาจะเอาความฝันเขามาเล่าละ มีคนตามฆ่าบ้าง มีอะไรอย่างนี้บ้าง มีคนปองร้ายเขา
เห็นว่าคุณโมได้เซ็นกับโรงพยาบาลไว้ด้วย ถ้าคุณพ่อไปไม่ต้องกระตุ้นด้วยยา ?
แตงโม : ใช่ค่ะ เพราะว่าคุณพ่อทรมานหนักมากแล้ว ตอนหลังหลับไปแทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว เหมือนยื้อให้เขาทรมานอยู่ด้วยเครื่องแล้ว โมก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าจะทรมานขนาดนี้ให้ไปอยู่กับพระเจ้าดีกว่า แล้วคุณพ่อเคยบอกนานแล้วว่าถ้าวันหนึ่งคุณพ่อถึงวัยชราแล้วป่วย คุณพ่อบอกไม่ต้องยื้อเขาไว้เลย ให้เขาไปดี ๆ ดีกว่า แล้วเขาก็จากไปอย่างสงบ
ตอนที่เซ็นร้องไห้ไหม ?
แตงโม : โห...ก็ไม่ยอมเซ็นอยู่รอบหนึ่ง คือโรงพยาบาลให้ไปเซ็นใช่ไหมคะ ครั้งแรกเนี่ยไม่ยอมเซ็น มันเหมือนในใจเราคิดว่าเราฆ่าพ่อหรือเปล่าวะ เราเป็นคนสั่งอนุญาตฆ่าพ่อหรือเปล่า รู้สึกอย่างนี้ก็เลยไม่เซ็น แต่พอตอนหลังไปเห็นสภาพเขานอนหายใจเหนื่อย ก็รู้สึกว่าคุณพ่อทรมานมากแล้ว พ่อมีไตวายเฉียบพลันด้วย แล้วก็ติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วด้วย ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะด้วย ก็คือข้างในไปหมดแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะยื้อไว้ทำไม เหมือนคุณพ่อก็จะรอให้ทุกคนมาเยี่ยมพร้อมกันหมด เหมือนเขาจะลืมตา ไม่รู้ว่ารับรู้หรือเปล่า แต่ว่า 6 ชั่วโมง แล้วแกก็ยังไม่ไปสักที ขณะที่ถอดสายยา ไม่ได้ให้ยาช่วยแล้ว ก็ไม่ไปสักที เราก็เลยกลับบ้านกันมาประมาณ 5 ทุ่ม เพราะคุณหมอบอกว่าพ่อจะไปคืนนี้
พอคุณหมอบอกแบบนี้เราใจปิ้วไหม ?
แตงโม : เห็นจากสภาพแล้วไม่ปิ้วนะคะ เพราะว่าคุณพ่ออาการหนักมากจริง ๆ แต่ 6 ชั่วโมงแล้วยังไม่ไปเลยค่ะ เราก็เลย คุณพ่อสู้มากเลย กลับบ้านกันมาช่วง 5 ทุ่ม เพราะว่าคุณป้าเขาจะเหนื่อยละ พอนั่งลงปุ๊บโรงพยาบาลโทร. มาว่าคุณพ่อเสียแล้ว ไปไม่ทัน
เสียดายไหม ?
แตงโม : เสียดายค่ะ แป๊บเดียวเอง เหมือนท่านรอ ในรูปจะเห็นเลยว่าคนเยอะมากจริง ๆ
เหมือนตั้งใจไม่ให้ใครเห็นตอนท่านไป ?
แตงโม : ใช่ค่ะ เพราะโมเองก็ไม่ได้อยากเห็นเฮือกสุดท้ายของพ่อ โมกลัวว่าภาพจะติดตา เฮือกสุดท้ายที่หยุดหายใจ
เปิดประตูไปพ่อไม่หายใจแล้ว ?
แตงโม : ใจหวิวค่ะ ก็ไม่มีแล้วเนอะพ่อเรา ณ โมเมนต์นั้นถามตัวเองว่าอยากย้อนเวลากลับไปทำอะไรให้พ่อไหม คำตอบคือไม่มี โมคิดว่าโมทำดีที่สุดแล้ว โมเลยรู้สึกว่าโมสบายใจ
ในช่วงเวลาที่ท่านสั่งเสียได้ ท่านบอกอะไรไหม ?
แตงโม : ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการดูแลตัวเองมากกว่า เรื่องของการรักษาสุขภาพ แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่คุณพ่ออยากเห็นคือใบปริญญา เหลืออีกแค่ 2 เทอมก็จะจบแล้ว ไม่ทัน โชคดีที่ทันวันเกิด แต่ไม่ทันวันรับปริญญา เสียดายมาก ๆ
ตอนนี้ถ้าคุณพ่อรับรู้ได้เราอยากจะบอกอะไรคุณพ่อ ?
แตงโม : คำเดียวสั้น ๆ คิดถึงมาก ๆ คิดถึงพ่อ
คิดถึงขนาดเอากระดูกท่านแปะตู้เย็น ?
แตงโม : คือเอาส่วนหนึ่งที่จะเอาไปลอยอังคาร ต้องบอกก่อนว่าคริสเตียน ปกติเขาจะใช้ฝัง แต่ด้วยความที่บ้านเราสถานที่ฝังมันจะแพงหน่อย แล้วหายาก ทีนี้ก็จะมีการเผาเกิดขึ้นมาในยุคใหม่ แต่ว่ากระดูกเราจะเอาไปใส่คอนโดของคริสจักร ส่วนหนึ่งก็จะเอาไปฝังพร้อมอากง อาม่าที่ภูเก็ต คุณพ่อเขาอยากกลับไปอยู่กับอากง อาม่า เราก็แยกส่วนไป แล้วอันนี้โมก็ไปเปิดดูอันที่เขาจะเอาไปลอยอังคาร โมก็หยิบเฉพาะชิ้นที่ดี ๆ มา แล้วมาแปะที่ตู้เย็นแล้วก็บอกรักนะทุกวัน คิดถึงนะทุกวัน
ทำไมต้องตู้เย็น ?
แตงโม : มันเห็นชัดค่ะ เพราะว่าเวลาโมนั่งองศาโมมองตู้เย็น
สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ชมรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama