posttoday

ในห้องดนตรี ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์

19 เมษายน 2557

หากถามคนในแวดวงสังคมว่ารู้จัก “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” บ้างไหม ผมเชื่อแน่ว่า ไม่ว่าใครต่างต้องรู้จักชายหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี

โดย...ตุลย์ จตุรภัทรเตย เพ็ญศรี ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช

หากถามคนในแวดวงสังคมว่ารู้จัก “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” บ้างไหม ผมเชื่อแน่ว่า ไม่ว่าใครต่างต้องรู้จักชายหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี เพราะเขาคือทายาทของ “สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์” และอดีตนางงามจักรวาลคนแรกของเมืองไทย “อาภัสรา หงสกุล”

แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเริ่มต้นการทำงานให้กับธุรกิจของบิดา นั่นคือการเป็นผู้บริหารหนังสือพิมพ์เอ็มทูเอฟ ในเครือโพสต์ พับลิชชิง แต่หากตัวตนอันแท้จริงของเขากลับชอบเสียงดนตรี ชอบร้องเพลง ชอบแต่งเพลง จนเขาต้องหันเหเส้นทางชีวิต (สักระยะหนึ่ง) เพื่อเดินตามเส้นทางความฝันที่เขาได้ฝันเอาไว้ นั่นคือการเป็นศิลปินเดี่ยว ในนาม Mindset ภายใต้สังกัดไทเทเนียม เอ็นเตอร์เทนเมนต์

ด้วยความเป็นคนชอบแต่งเพลง เขาจึงมุ่งมั่นทำสตูดิโอขนาดย่อมเพื่อไว้ใช้แต่งเพลงในห้อง ณ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาบอกเล่าให้ผมฟังว่า การมีสตูดิโอขนาดย่อมอยู่ในห้องนั้น มันทำให้เขามีวินัยในการแต่งเพลง คิดอะไรออกก็สามารถทำงานได้เลยทันที แถมยังประหยัดเวลาในการเดินทางไปยังสตูดิโอในที่อื่นๆ อีกด้วย

“สำหรับสตูดิโอขนาดย่อมนี้ นอกจากจะมีคอมพิวเตอร์ กีตาร์ อิเล็กโทน ผมยังมีตู้อัดเสียงขนาดเล็กที่เอาไว้ใช้อัดเสียงโดยเฉพาะอีกด้วยครับ ซึ่งผมสามารถใช้งานจากตู้นี้แล้วไม่ต้องไปทำที่อื่นต่ออีก จบตรงนี้ได้เลย บางครั้งผมอัดเองทำเองคนเดียว พอกดคอนโทรลที่คอมพ์เสร็จ ผมก็จะรีบวิ่งเข้าไปร้องในตู้อัดเสียง หรือบางทีถ้าสะดวกหน่อยก็จะให้เพื่อนที่ว่างมาช่วย”

ภัสสรกรณ์ เผยว่า ตู้อัดเสียงนี้มีพี่คนหนึ่งช่วยออกแบบให้ “ผมบอกเขาแล้วว่าผมต้องการแบบนี้ อยากให้มันเป็นงานกึ่งเฟอร์นิเจอร์ด้วย ไหนๆ มันก็ตั้งอยู่ในห้องแล้ว ก็เลยให้เขาดีไซน์ออกมาให้มันรับกับสถานที่ แต่ผมก็จะเน้นใช้ประโยชน์จริง คุณภาพที่ได้ก็ถือว่าโอเค แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ผมคิดว่าควรจะแก้นิดๆ หน่อยๆ อย่างเช่นเวลาที่เราตะโกนข้างนอกตู้ เสียงมันอาจจะหลุดเข้าไปได้บ้าง”

หลังจากที่ผมสำรวจตรวจตราตู้อัดเสียงนี้ ภัสสรกรณ์บอกเล่าให้ผมฟังต่อว่า คนที่ทำตู้อัดเสียงตู้เล็กๆ นี้ให้ เขายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน “ผมเหมือนเป็นหนูทดลองให้เขาเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเราก็ทำกันไปเรื่อยๆ มีแก้ตรงไหนก็เข้ามาแก้กัน ซึ่งผมเชื่อว่า ตู้อัดเสียงนี้น่าจะใช้เป็นต้นแบบให้คนที่อยากจะทำเพลงในบ้านเองได้มีไว้ใช้ บางบ้านหรือบางห้องที่ติดกับบ้านหรือห้องคนอื่น อาจเกิดปัญหาเสียงรบกวน ก็สามารถใช้ตู้อัดเสียงนี้ได้ครับ”

ภัสสรกรณ์ เผยว่า สมัยนี้คงไม่มีแล้วที่นักร้องนักดนตรีจะไปเช่าห้องอัดเพลง เพราะทุกคนสามารถทำเพลงเองได้ที่บ้าน และไม่มีความจำเป็นต้องมีห้องอัดเสียงใหญ่ๆ หรือต้องมีใครมาคอยทำให้ “ผมคิดว่าตู้อัดเสียงตู้นี้ของผม มันได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว ทำให้ผมมีความกระตือรือร้นที่จะทำเพลงออกมา อย่าง 4 เพลงที่ทำเสร็จไปก็ถือว่าทำได้เร็วมากจากตู้อัดเสียงนี้ครับ”

สำหรับเพลงที่ภัสสรกรณ์ทำขึ้นมาจากตู้อัดเสียงนี้ เป็น 4 เพลงที่กำลังจะปล่อยให้ผู้ฟังได้ฟังกันช่วงกลางปีนี้ “มีอยู่เพลงหนึ่งซึ่งผมค่อนข้างภูมิใจมาก เพราะมันสามารถทำที่นี่ได้ทุกอย่าง เป็นสไตล์เพลงที่ผมไม่เคยทำมาก่อน แทบจะไม่ฮิปฮอป จะมีแค่ท่อนแร๊พเท่านั้น เป็นเพลงแรกที่ผมได้ร้องท่อนฮุคเองด้วย ได้ร้องในแบบที่ผมอยากร้อง ซึ่งคนที่ได้ฟังก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าผมจะสามารถร้องเพลงได้ ผมคิดว่าเพลงนี้น่าจะถูกใจคนไทย เป็นเพลงช้า ฟังง่ายๆ สบายๆ และเพลงนี้ก็เป็นเพลงช้าสุดใน 4 เพลงนี้ และแต่ละเพลงก็จะต่างกันด้วยครับ”

ท้ายสุด ภัสสรกรณ์เผยความรู้สึกออกมาจากใจว่า ส่วนตัวแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเพลงกับวงไทเทเนียม ไม่คิดว่าจะได้มีสตูดิโอขนาดย่อมตั้งอยู่กลางห้องของตัวเอง มีตู้อัดเสียงขนาดเล็กเป็นของตัวเอง

“ทั้งหมดที่ผมทำ ผมทำเพราะว่าชอบจริงๆ อย่างบริษัทที่เป็นธุรกิจของทางบ้าน มันก็เป็นส่วนของพื้นฐานชีวิตของผมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมได้ทำ มันเป็นอีกส่วนหนึ่งของชีวิตผม แรกๆ ที่ก่อนจะเข้ามาทำจริงจัง พี่ๆ วงไทเทเนียมเขาก็ถามว่า เอาไง เขาอยากให้ผมลงมือทำจริงจัง แต่ตัวผมเองก็บอกพี่เขาว่า ผมไปไม่ได้ ผมยังติดงานส่วนที่เป็นธุรกิจของทางครอบครัวผมอยู่ แต่สุดท้ายผมก็ได้มายืนอยู่ในจุดนี้ เป็นอะไรที่เกินฝัน รู้สึกดีมาก แค่นี้ก็คิดว่าเกินพอแล้ว อยากให้คนอื่นๆ ที่มีความฝัน อยากให้เชื่อว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้เสมอครับ ผมอยากให้ทุกคนฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง อย่าลืมว่าทุกอย่างที่เราฝัน มันเกิดขึ้นได้จริงครับ"