posttoday

ขำๆ 300 ล้าน ล้อมวงฮากับ 4 เกลอแห่งพี่มาก... พระโขนง

13 เมษายน 2556

เพราะกระแสปากต่อปาก ไลค์ต่อไลค์ แชร์ต่อแชร์ ทำให้ภาพยนตร์

เพราะกระแสปากต่อปาก ไลค์ต่อไลค์ แชร์ต่อแชร์ ทำให้ภาพยนตร์โรแมนติกคอมมิดีเรื่อง “พี่มาก...พระโขนง” ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นถล่มทลาย

ทุนสร้างเพียง 65 ล้านบาท ล่าสุดโกยรายได้ทะลุ 300 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอา โต้งบรรจง ปิสัญธนะกุล ผู้กำกับ และคณะ ยิ้มแก้มฉีกอย่างคนมีความสุขที่สุดในโลก

แต่ที่หัวเราะเสียงดังกว่าใครเพื่อน หนีไม่พ้นก๊วนสี่เกลอ ฟรอยณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ เผือกพงศธร จงวิลาส เชนวิวัฒน์ คงราศรี และบอมบ์กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข

มุขตลกโคตรขำ พลิ้วไหว เหมาะเจาะลงตัว จนผู้ชมพร้อมใจมอบตำแหน่ง “จอมขโมยซีน” ให้อย่างปราศจากข้อกังขา

ว่ากันว่านี่คือตลกที่ฮาที่สุดแล้วในยุคนี้

เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะดังเป็นพลุแตก

บอมบ์ : นี่เราดังแล้วใช่ไหม (หัวเราะ)

เผือก : โหย เอาเป็นว่าแค่ได้เข้าวงการ ยังไม่คิดเล้ย (ทำเสียงสูง) ผมเป็นพนักงานบริษัทโฆษณา รับจ๊อบถ่ายโฆษณาบ้างนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ลางานมาเล่นหนังสี่แพร่ง ห้าแพร่ง จากนั้นก็ไหลมาเรื่อยจนถึงจุดนี้ ไม่ได้วางผงวางแผน ใฝ่ฝันอะไรเลย

เชน : ส่วนผมเข้ามาวงการบันเทิงก่อนใครเพื่อน ก็เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาไปวันๆ ไม่ได้หวังจะต่อยอดทางการแสดงไปเล่นหนัง เล่นละครอะไรมากมาย ตอนนี้ก็ยังทำงานประจำเป็นดีเทลขายยา

บอมบ์ : ผมเริ่มจากไปออดิชันร้องเพลง ไม่รู้นะ ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าโด่งดังอะไร ยังเหมือนเดิม แต่เพียงว่าหนังที่เราเล่นมันคงจะเป็นที่ตอบรับจากหลายๆ คนที่ชื่นชอบ

ฟรอย : ผมไม่ได้มีความคิดอยากจะดัง อยากมีชื่อเสียงอะไรอยู่แล้ว ทำแล้วแฮปปี้ คิดแค่อยากสนุก แล้วอยากให้คนดูสนุก มีความสุขด้วยเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ไปไหนคนก็เรียกสี่เกลอ ไม่ก็เรียกไอ้เต๋อ เพราะเค้าติดภาพเรา จำเราได้ในคาแรกเตอร์นั้นไปแล้ว ก็ขอบคุณครับ

ที่เล่นเข้าขากันนี่ เพราะอะไร

“เคมี ... เคมีล้วนๆ” ทั้งสามหน่อตอบพร้อมกันเสียงดัง

เผือก : ครั้งแรกตอนเวิร์กช็อปหนังเรื่องสี่แพร่งก็รู้สึกแล้วว่านี่คือทีมเดียวกัน มันเข้ากันโดยที่เราก็ไม่รู้ว่าทำไม จริงๆ หนังเรื่องนี้เว้นวรรคไปด้วยซ้ำ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเกือบ 3 ปี แต่แปลกตรงพอกลับมาร่วมงานกันในพี่มากพระโขนงมันแทบไม่ต้องเริ่มใหม่

บอมบ์ : ใช่มันต่อติดเลย รู้ทางกันหมดแล้ว

ฟรอย : จริงๆ นอกกองเราก็สนิทกันอยู่แล้วนะ ไม่ใช่ว่าสั่งแอ็กชันก็ค่อยแสดงว่าเป็นเพื่อนซี้กัน พวกเราสนิทกันจน ... (คิดนาน) จนไม่มีช่องว่าง ไม่ต้องวางตัวอะไรกันแล้ว (หัวเราะ)

ใครๆ ก็บอกว่าแก๊งสี่เกลอเป็นตัวขโมยซีนของหนังเรื่องนี้ คล้ายๆ เบื้องหลังที่ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ

เผือก : โห ไม่เลย

บอมบ์ : ไม่จริง

ฟรอย : (ส่ายหัว)

เชน : เค้าบอกว่าพวกผมเด่นมาก 4 คนที่เล่นเป็นเพื่อนพี่มากพระโขนง คิดง่ายๆ ว่าถ้าตัดส่วนดรามาที่ยอดเยี่ยมของโอ้ (มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทพ่อมาก) กับใหม่ (ดาวิกา โฮร์เน รับบทแม่นาค) ออกไป แล้วมีแต่พวกผม หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นแค่หนังตลกโปกฮาแบบตึ่งโป๊ะธรรมดาทั่วไป

จากความสำเร็จถล่มทลาย จนคนดูต้องจองตั๋วกันข้ามวัน อะไรคือ สูตรสำเร็จของหนัง

เชน : วิธีบอกต่อครับ คนที่ไปดูแล้วชอบก็บอกต่อเพื่อน ปากต่อปาก ใครไม่ดูคงรู้สึกเชย ตกกระแส

เผือก : ผมเคยคุยกับพี่โต้ง (บรรจง ปิสัญธนะกุล ผู้กำกับ) ว่าหนังเรา ถ้าเข้าไปดูแล้วฮาถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าคนออกจากโรงแล้วแบบน้ำตานองหน้า นี่แหละหนังเราจะ Success ที่สุด ต้องยกเครดิตให้ 2 คนนั้นเลย พอมันจบซึ้งปุ๊บ คนดูก็จะเฮ้ย หนังตลกบ้าไรวะ ซึ้งอยู่แล้วน้ำตาไหลออกมา น้ำตาไหลแล้วกลับมาหัวเราะใหม่ มันกลายเป็นเซอร์ไพรส์ของคนที่มาชม มันลงตัวพอดี เป๊ะมาก

ฟรอย : เบื้องความความสำเร็จ เราต้องให้เครดิตทีมงานทุกคนครับ ทีมเวิร์กกองพี่มากพระโขนงนี่ถือว่าสุดยอด

ที่ผ่านมา ตำนานแม่นาคพระโขนง เมื่อจับมาทำหนังมักตีความในแง่ของหนังผี ความรัก แต่เรื่องนี้ดูมันแหวกแนวออกมาเลย รู้สึกยังไง

เผือก : ตอนแรกก็กลัวโดนด่า เรื่องภาษาวัยรุ่น ภาษาเด็กแนว มันต้องมีฟีดแบ็กทางลบแน่ๆ เพราะคนจะติดอารมณ์หนังเก่าแบบว่าเอาหนังในตำนานมาทำ แต่เชื่อใจพี่โต้ง เพราะว่าเขาต้องเอาอยู่

บอมบ์ : ตอนที่ประกาศออกมาว่าคนมารับบทพี่มากคือมาริโอ้ แม่นาคเป็นใหม่ ดาวิกา คนก็ด่ากัน เฮ้ย เอาฝรั่งมาเล่นทำไม แต่พอทุกๆ อย่างมันค่อยๆ เปิดเผยออกมา คนก็เริ่มรู้แล้วล่ะว่าเรากำลังจะทำอะไร

ฟรอย : ผมไม่กลัวโดนด่านะ หนังก็ยังคงความเป็นตำนานรักแม่นาคพระโขนงอยู่ คงเรื่องราวความรักอันงดงามระหว่างคนกับผี แต่เพียงแค่ครั้งนี้เล่าผ่านมุมมองของพี่มาก

โดยส่วนตัวผมอยากให้ทุกคนลืมทุกอย่างให้หมด อย่าไปจำภาพแม่นาคในครั้งที่ผ่านๆ มา อันนี้คือหนังพี่มากพระโขนง เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่นำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่ อยากให้มองภาพมุมกว้างมากขึ้น อยากให้ดูระหว่างทางของเรื่องนี้มากกว่า ว่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างไร คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าแม่นาคเค้ารอพี่มาก แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่มากหายไปไหน ไปทำอะไรมา และมีความรักต่อกันขนาดไหน

ประเด็นถกเถียงกันในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องพูดคำหยาบมากเกินไปจนล้น มองเรื่องนี้ยังไง

เผือก : โห เรื่องนี้ผมอยากชี้แจงมาก เพิ่งเข้าไปอ่านในพันทิป จะบอกว่าเราไม่ได้พยายามยัดเยียดคำหยาบให้กลายเป็นนิสัยหลักของคนแน่ๆ แต่คำหยาบที่ปรากฏออกมามันคือรีแอ็กชัน สมมติว่าเราอยู่ในสถานการณ์คับขันมากๆ ผีจะมาบีบคออยู่แล้ว และอยู่กับเพื่อนสนิททุกคน ด้วยคาแรกเตอร์ของเผือกในเรื่อง ผมคงไม่ตะโกนว่า ตายแล้วครับเพื่อนๆ (เลียนเสียงสุภาพมาก) เพื่อนบอมบ์ เพื่อนเชนครับ ผีจะมาหักคอแล้วครับ มันไม่ใช่ ต้องมองจากความจริงด้วย เดี๋ยวนี้ ความเป็นจริง มันพูดกันหนักกว่านี้อีกนะ

นี่คือวิธีการพูดของเพื่อนที่สนิทกัน ผมไม่ได้ไปพูดกับยายว่าเหี้ย ไม่ได้ไปพูดกับพระว่าเหี้ย เหตุการณ์มันสมเหตุสมผล แต่ผมรับคำตำหนินะ จะปรับลดในการแสดงครั้งต่อๆ ไป แต่ขอให้มั่นใจว่าพวกเราไม่ได้ยัดเยียดคำนี้โดยที่ไม่ได้คิดอะไร มันมีเหตุและผลของมัน

บรรยากาศกองถ่ายพี่มากพระโขนง เห็นว่าฮากันขี้แตกขี้แตน เต้นกังนัม ฮาเรมเชค อัพรูปลงอินสตาแกรมกันตลอด

บอมบ์ : ฮามาก เพราะมันมีระยะเวลาในการถ่ายทำเยอะ นี่อยู่กัน 2 เดือนครึ่ง เจอกันก็ป่วนๆ กันอย่างเนี้ย ทั้งพวกช่างหน้า ช่างอะไรต่อมิอะไรพวกเนี้ย ในกองเรามันจะมีแต่เรื่องความฮาๆ ตลอดเวลา

เผือก : ใช่ๆ โดยเฉพาะฟรอยที่คอยกระตุ้นให้เพื่อนไม่ง่วง มันมีความพิเรนทร์ของมันตลอดทั้งคืน ตีสามตี่สี่ก็ยังคึกอยู่ (ฟรอยพยักหน้าหงึกๆ) ที่สำคัญคือ กองเรามีนางเอกที่แบบ โห สวย น่ารัก ก็ชุ่มชื่นหัวใจนะเวลามากอง

มาริโอ้ขำไหม

บอมบ์ : อุ้ย ขำ

เชน : ตัวจริงน่ะขำมาก เป็นคนมุกเยอะ แพรวพราว แต่ว่าเขาไม่ค่อยได้เปิดเผยด้านนี้ให้ใครเห็น

ฟรอย : โอ้ไม่ใช่คนตลก แต่เป็นคนกวนตีน (ทั้งสามเกลอหัวเราะครืน) พวกผมพูดเก่งก็ชอบแหย่ ชอบแกล้งโอ้ แต่เห็นหล่อๆ หงิมๆ แบบนี้ โดนตอกกลับมาหน้าหงายเหมือนกันนะ (ยิ้มแฉ่ง)

แล้วพี่โต้งล่ะเห็นนุ่มๆ นิ่งๆ แถมเป็นมือเขียนบทด้วย ตัวจริงฮาไหม

เผือก : ดาร์กนะ

เชน : ไม่ฮานะ

บอมบ์ : ดุ

เชน : ผมโดนจนนอยด์อะ ห่างจากการแสดงไปตั้ง 2 ปี กลับมายังหาทิศทางตัวเองไม่เจอว่าต้องเล่นประมาณไหน ลืม แล้วแบบไดอะล็อกมีอยู่ไดอะล็อกนึงเล่นไม่ได้ทั้งคืน พี่โต้งก็ด่าเสียเซลฟ์ไปเลยพักนึง

ยิ่งสนิทกันมากขึ้นเขายิ่งเห็นเราเป็นน้อง พูดได้บอกได้ เลยยิ่งแบบจะเฮี้ยบมากขึ้น กล้าด่าพวกเรามากขึ้น กล้าเคี่ยวพวกเรามากขึ้น เขามีจิตวิทยาที่ทำให้เราแบบตั้งใจทำงาน ไม่งั้นเราก็จะเล่นเละเทะไปหมด

ฟรอย : เวลาเล่น เวลาทำงานจริงจังมาก (ลากเสียงยาว) แกไม่ใช่ตัวยิงมุข เป็นคนเก็บมุข ผมสังเกตว่าแกชอบเสี้ยมให้คนเล่นมุขกัน แล้วแกก็บอกเฮ้ย มุขนี้ขอ มุขนี้เอา เหมือนมาช้อปปิ้งมุข เพื่อเอาไปใส่ในบท นี่เป็นสไตล์การทำงานแกเลย


ถ้าอยากเปลี่ยนบทบาท เปลี่ยนอิมเมจไปจากตรงนี้ อยากเล่นหนังแนวไหน บทยังไง

ฟรอย : ใจจริงก็ยังรักคาแรกเตอร์ตัวเองนะ ตลกๆ กวนตีนๆ แบบนี้ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลองเล่นแนวอื่นเหมือนกัน บทอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ตลก (หัวเราะก๊าก)

เผือก : ผมอยากนิ่งขึ้นครับ หลายเรื่องแล้วที่เล่นเยอะ บางทีเหนื่อย การที่ผมต้องกรี๊ด ตะโกนโหวกเหวกทั้งคืนมันเหนื่อยมาก แล้วซีนที่ไม่เห็นผม บางทีก็ต้องส่งอารมณ์เต็มให้เพื่อน ทั้งๆ ที่ไม่เห็นในกล้องก็ต้องตะโกน อยากจะเล่นนิ่งๆ บ้าง อยากเป็นบอมบ์ สบ๊ายสบาย

เชน : ผมอยากเล่นหนังรัก พูดเยอะๆ ลองดูจะได้พัฒนาตัวเอง อยากได้อะไรที่ดรามาบ้าง

บอมบ์ : ผมอยากเล่นบทยากๆ อยากร้องไห้ได้ คือปกติผมร้องไห้ยาก แล้วผมดูโอ้ มันแบบว่าผู้ชายบ้าอะไรวะร้องไห้แล้วออกมาเป็น 4 สายอะ น้ำตามันไหลพรากๆ คนเก่งเท่านั้นมันถึงสามารถทำได้

ปกติจะเห็นสี่เกลออยู่ในหนังตลก หนังผีเท่านั้น คิดจะเล่นแนวนี้ไปอีกนานไหม

เผือก : มันอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เล่นหนังผีตลกก็ได้ เราเดินทางมาตั้งแต่สี่แพร่ง สี่แพร่งนี่คนไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้รู้จักเราเลย แต่มันดันประสบความสำเร็จ ห้าแพร่งคือการต่อยอดของแก๊งนี้

เชน : ผมรู้สึกว่ามันพีกที่สุดแล้ว เรื่องพี่มากพระโขนง นี้มันอาจจะเป็นผีตลกเรื่องสุดท้ายแล้วก็ได้สำหรับพวกเรา ถ้าเป็นนักบอลก็คงแขวนสตั๊ดแล้วอะ

 

‘โต้งปิยะ ปิสัญธนะกุล’ เบื้องหลังความสำเร็จพ่อมาก...ขา

“ผมติดใจการหยิบคนที่ไม่จำเป็นต้องเป็นซุปเปอร์สตาร์ขึ้นมา ตอนแรกในหนังเรื่องสี่แพร่ง ไม่มีใครคิดว่า 4 คนนี้น่าดูอะไร แต่พอออกฉาย โอ้โห คนชอบมาก

รู้สึกว่าเจ๋งดีที่เราไม่ต้องอาศัยคนที่เป็นตลกอาชีพ หยิบก็หยิบนักแสดงธรรมดาเนี่ยแหละ ไม่จำเป็นต้องใช้ดาราที่มีชื่อเสียง ดังที่สุดในประเทศ ใช้พวกเราเนี่ยแหละ ขอแค่เหมาะกับบท มีเสน่ห์แพรวพราวในแง่ความตลก