posttoday

มาดอนนา แม่กระดังงาลนไฟ

16 สิงหาคม 2555

สตาด เดอ ฟรองซ์ สนามกีฬาแห่งชาติฝรั่งเศส ในกรุงปารีส คลาคล่ำไปด้วยแฟนเพลงของ “ราชินีเพลงป๊อป” มาดอนนา

โดย...นายใบคา

สตาด เดอ ฟรองซ์ สนามกีฬาแห่งชาติฝรั่งเศส ในกรุงปารีส คลาคล่ำไปด้วยแฟนเพลงของ “ราชินีเพลงป๊อป” มาดอนนา ที่เบียดเสียดกันเข้ามารอชมการแสดงคอนเสิร์ต Madonna fly away in Paris เพื่อโปรโมตอัลบั้ม MDNA ซึ่งเป็นอัลบั้มใหม่ล่าสุดของมาดอนนา ในค่ำของวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันชาติฝรั่งเศส

เป็นที่น่ายินดีว่าในวันนั้นมีคณะของคนไทยกว่า 60 ชีวิต ได้มีโอกาสร่วมสัมผัสกับบรรยากาศและประสบการณ์อันยิ่งใหญ่กับการแสดงสดของ มาดอนนา อย่างใกล้ชิด โดยมีผมร่วมอยู่ในคณะด้วย แต่กว่าจะได้ชมคอนเสิร์ตระดับโลกของราชินีเพลงป๊อปแบบสดๆ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสภาพการจราจรในช่วงเร่งด่วนของกรุงปารีส ก็ไม่ได้แตกต่างจากกรุงเทพมหานครของเรานัก

โดยเฉพาะสนามสตาด เดอ ฟรองซ์ ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลขนาดความจุ 8 หมื่นที่นั่ง ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของยุโรป อยู่ในเขตปลอดมลพิษ รถยนต์ไม่สามารถย่างกรายเข้าไปเฉียดภายในชุมชนที่รายล้อมอยู่รอบสนามยักษ์แห่งนี้ได้ รถบัสขนาดใหญ่จำนวน 2 คัน ที่นำคณะของคนไทยไปร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ต้องจอดรถห่างจากสนามประมาณ 1 กม. นั่นก็หมายความว่าคณะของเราต้องเดินเท้าเข้าไป

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในสนามสตาด เดอ ฟรองซ์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 19.00 น. แต่แสงแดดยังเจิดจ้าเหมือนเที่ยงวันของประเทศไทย ต่างกันตรงที่อากาศค่อนข้างเย็นประมาณ 17-20 องศาเซลเซียส ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นเร้าใจ บรรยากาศภายในสนามอบอวลไปด้วยความชื่นมื่นของแฟนเพลงเฉียดแสนคน ที่เข้ามารอชมการแสดงสดของมาดอนนาอย่างใกล้ชิด

คอนเสิร์ตในวันนั้น เริ่มอุ่นเครื่องด้วยการเปิดแผ่นเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของแฟนเพลงกว่าครึ่งแสนคน ด้วยฝีมือการรีมิกซ์ของ Martin Solveig ดีเจชื่อดังชาวฝรั่งเศส จนแฟนเพลงทั้งสนามต้องลุกขึ้นมาโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะของดนตรี สลับกับการร้องสดของดีเจมาดเซอร์เมืองน้ำหอม สร้างความคึกคักให้กับแฟนเพลงทั่วทั้งสนาม

 

ผ่านไปประมาณชั่วโมงเศษ แฟนเพลงทั้งสนามก็ต้องกรี๊ดเสียงดังสนั่น เมื่อ Will I Am หัวหน้าวง Black Eyed Peas จากสหรัฐอเมริกา ปรากฏตัวบนเวทีในฐานะแขกพิเศษ พร้อมกับโชว์เพลงดังที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งในอดีตและปัจจุบันอีกหลายเพลง อาทิ This Is Love, I Gotta Feeling

มาดอนนา แม่กระดังงาลนไฟ

 

แฟนเพลงทั่วทั้งสนามยังเฝ้ารอด้วยใจจดใจจ่อที่จะได้พบกับ มาดอนนา ศิลปินในดวงใจ แฟนเพลงบางคนเข้ามารอในสนามตั้งแต่ก่อนเวลา 18.00 น. ทั้งๆ ที่เวลาเริ่มการแสดงที่ระบุไว้คือ 20.00 น. แต่เวลาล่วงเลยมาจนถึง 22.00 น. สภาพท้องฟ้าของกรุงปารีสก็ยังเจิดจ้าไปด้วยแสงแดดต้นฤดูร้อนของทวีปยุโรป ซึ่งไม่เหมาะกับโชว์สุดอลังการที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง และสเปเชียลเอฟเฟกต์ ซึ่งมาดอนนาเตรียมนำมามอบให้กับแฟนเพลง

หลังจากนั้นเพียงอึดใจ เวลาที่แฟนเพลงกว่าครึ่งแสนรวมทั้งคณะของเรากว่า 60 ชีวิตเฝ้ารอก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ สภาพท้องฟ้าที่เจิดจ้า เริ่มริบหรี่ลงทีละน้อย ราตรีแห่งกรุงปารีสเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าเหนือสนามสตาด เดอ ฟรองซ์ แสงไฟจากสปอตไลต์ทั่วทั้งสนามถูกดับลง เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงทั้งสนามที่เฝ้ารอด้วยใจจดจ่อกว่า 2 ชม. ให้กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ขณะที่บนเวทีการแสดงเริ่มมีความเคลื่อนไหว เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงดังลั่นสนาม

ท่ามกลางความมืดมิด แสงไฟจากตะเกียงขนาดยักษ์เริ่มแกว่งไปมาบนเวที พร้อมๆ กับเสียงระฆังดังกังวาน ให้ความรู้สึกเหมือนกับแฟนเพลงทั้งสนามกำลังอยู่ท่ามกลางการประกอบพิธีทางศาสนาในโบสถ์ของชาวคริสต์ ไม้กางเขนขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นบนเวที พร้อมกับแดนเซอร์ที่มาในคราบของนักบวชชุดสีแดงสด โชว์อันตระการตาเริ่มขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของแฟนเพลงที่ตื่นตาตื่นใจกับฉากแสง สี เสียง ที่มีความวิจิตรสวยงาม ผนึกเข้ากับการใช้วิดีโอวอลล์ขนาดมหึมา สามารถสะกดคนดูเฉียดแสนคน ให้ใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

จากนั้นไม้กางเขนขนาดยักษ์ก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน มาดอนนา ปรากฏตัวขั้นบนเวทีด้วยชุดหนังสีดำทะมึน ผ่านออกมาจากรอยแยกของไม้กางเขนยักษ์ เสียงกรีดร้องด้วยความดีใจของแฟนเพลงก็ดังกระหึ่มขึ้น เพลงแรกที่มาดอนนานำมาเปิดคอนเสิร์ตที่กรุงปารีสครั้งนี้คือ The Prayer Overture : Act of Contrition พร้อมกับการวาดลวดลายลีลาทั้งร้องทั้งเต้นแบบจัดเต็ม จนลืมวัย 54 ปี ของราชินีเพลงป๊อปสุดเซ็กซี่คนนี้ไปเลย

ตามมาด้วยเพลงจากอัลบั้ม MDNA ซึ่งเป็นอัลบั้มใหม่ล่าสุดอีกหลายเพลง เริ่มด้วยเพลง Girl Gone Wild ต่อด้วย Revolver ซึ่ง มาดอนนา มาในชุดทะมัดทะแมงพร้อมควงปืนกระบอกโต วาดลวดลายนักฆ่าระดับพระกาฬ สร้างความตื่นเต้นเร้าใจตลอดทั้งเพลง โชว์ชุดที่ดูเหมือนว่ามาดอนนาบรรจงสร้างขึ้นมาเพื่อแฟนเพลงโดยเฉพาะก็คือ ฉากการต่อสู้ในห้องพักของโรงแรม ที่มาดอนนาโชว์ลีลาเซ็กซี่ระดับตำนาน ในเพลง Gang Bang

นอกจากเพลงในอัลบั้มใหม่แล้ว เพลงฮิตในอดีตที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Papa don’t preach ก็ถูกนำมาร้องด้วย ซึ่งทันทีที่อินโทรของเพลงขึ้นมา แฟนเพลงทั่วทั้งสนามก็พร้อมใจกันโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะดนตรีที่เร้าใจ ถัดมาก็เป็นเพลง Hung Up ก่อนที่ราชินีเพลงป๊อปจะกลับเข้าไปหลังเวที่เพียงชั่วครู่

มาดอนนา แม่กระดังงาลนไฟ

 

กลับออกมาอีกครั้ง... มาดอนนามาพร้อมกับกีตาร์คู่กาย ทั้งเล่นเองร้องเองในเพลง I don’t give A ก่อนจะโชว์เพลงจากอัลบั้มเก่าและใหม่สลับกันไปมา อาทิ Prophecy/Best Friend จากอัลบั้ม MDNA ตามมาด้วย Express Yourself จากอัลบั้ม Like A Prayer และอีกหลายเพลง เช่น Give Me All Your Luvin’ /Turning Up the Hit/Turn Up the Radio/Open Your Heart/Masterpiece/MasculineFeminine/Justify My Love/Vogue/Candy Shop

และแล้วก็มาถึงไฮไลต์ของการแสดงสดในครั้งนี้ เมื่อราชินีเพลงป๊อปออกมาปรากฏตัวหน้าเวทีในชุดกางเกงเข้ารูปสีดำโชว์เรือนร่าง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูเซ็กซี่ ในเพลง Human Nature หลังวาดลวยลายไปได้ถึงช่วงกลางของเพลง มาดอนนาก็เรียกเสียงครางฮือ...จากแฟนเพลงทั่วทั้งสนามด้วยการถอดเสื้อเชิ้ตมีขาวโชว์บราสีดำ

หลายคนแอบคิดและแอบลุ้นให้ราชินีเพลงป๊อปสร้างความฮือฮาเหมือนที่ตุรกี แต่ครั้งนี้มาดอนนาเลือกหันหลังให้กับแฟนเพลงพร้อมๆ กับบรรจงรูดซิปกางเกงลงจากด้านข้าง แล้วค่อยๆ ปล่อยให้กางเกงสีดำเป็นมันวาวลดระดับลงช้าๆ เพื่อโชว์แก้มก้นสีขาวตัดกับจีสตริงตัวจิ๋วสีดำ เหนือบั้นเอวมีรอยสักว่า “No Fear” โดยยืนนิ่งในท่านี้อยู่ประมาณ 1 นาที เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นสนามเลอ สตาด เดอ ฟรองซ์

เหมือนต้องการสื่อถึงการออกมาเรียกร้องสิทธิและการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของชาวฝรั่งเศส เพื่อการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เพราะวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งมาดอนนาเลือกมาเปิดคอนเสิร์ตในกรุงปารีส ตรงกับวันชาติฝรั่งเศสและตรงกับวันพังทลายคุกบาสติลล์ ซึ่งเป็นคุกที่ใช้ขังนักโทษทางการเมืองในอดีต และนำมาซึ่งการ “ปฏิวัติฝรั่งเศส”

จากนั้นมาดอนนาก็กลับมาเรียกความคึกคักอีกครั้ง ด้วยเพลง Like a Virgin ต่อด้วย Redemption/Nobody Knows Me/I’m Addicted/I’m a Sinner/Like a Prayer และปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยเพลง Celebration

ตลอดการแสดง 2 ชม.เต็ม ที่มาดอนนาราชินีเพลงป๊อป ในวัย 54 ปี นำมามอบให้กับแฟนเพลง คือประสบการณ์และความสุขที่คุ้มค่ากับการรอคอย วันนั้นคอนเสิร์ตจบลงในเวลาประมาณ 24.00 น. เป็นการปิดฉากการแสดงคอนเสิร์ตระดับโลกที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบ

การได้สัมผัสประสบการณ์ดนตรีระดับโลกอย่างใกล้ชิดติดขอบเวที ถึงกรุงปารีสของคณะคนไทยกว่า 60 คนในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ได้มอบสิ่งนี้ให้กับสมาชิกของทรูมูฟเอช ที่ร่วมสนุกกับกิจกรรมดาวน์โหลดเพลงและคอนเทนต์ของยูนิเวอร์แซล มิวสิค ผ่านแอพพลิเคชัน H Music รวมทั้งกิจกรรมพิเศษของ True You ได้มาสัมผัสกับทริปเอกซ์คลูซีฟนี้

รุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้บริหาร ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้เป็นครั้งแรกของบริษัทที่พาสมาชิกมาสัมผัสกับประสบการณ์ระดับโลกโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมทั้งให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบริการโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศครอบคลุม 136 ประเทศ ใน 265 เครือข่ายทั่วโลก ทำให้ลูกค้าของทรูมูฟไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร

ทั้งหมดนี้คือสิ่งดีๆ ที่นำมาแบ่งปันให้กับทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์ทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกแบบเกาะติดขอบเวที ที่ทำให้หลายคนต้องอ้าปากค้าง

กว่าจะมาเป็นราชินีเพลงป๊อป

มาดอนนา หลุยส์ เวอโรนิกา ซิกโคเน เด็กสาวจากเบย์ ซิตี รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ในปี 2520 ด้วยวัยเพียง 19 ปี เธอได้ตัดสินใจหันหลังให้กลับบ้านเกิดแล้วมุ่งหน้าสู่มหานครนิวยอร์ก เพื่อไล่ล่าความฝันของเธอที่ต้องการจะเป็นนักบัลเลต์ แต่ด้วยเงินติดตัวเพียง 35 เหรียญสหรัฐ ทำให้เธอต้องไปเริ่มงานในร้านดังกิ้นโดนัท ก่อนที่พรสวรรค์ทางด้านดนตรีของเธอจะเริ่มฉายแวว

ปี 2522 เธอเข้าร่วมวง Patrick Hernandez Revue ที่มีเพลงฮิต อย่าง Born To Be Alive และมีโอกาสได้เดินทางไปกรุงปารีส ทำให้เธอได้พบกับ แดน กิลรอย ซึ่งกลายเป็นคู่รักของเธอในเวลาต่อมา โดยทั้งสองได้ร่วมกันก่อตั้งวง The Breakfast Club ซึ่งเป็นวงป๊อปแนวเต้นรำ ช่วงแรกมาดอนนาเป็นมือกลองจากนั้นไม่นานก็กลายเป็นนักร้องนำ

Everybody คือซิงเกิลแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับมาดอนนา ซึ่งกลายเป็นเพลงแนวคลับแดนซ์ ที่ฮิตในช่วงปลายปี 2525 ส่วนอัลบั้มแรกของเธอใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่ออัลบั้ม คือ Madonna ออกมาในเดือน ก.ย. 2526 อัลบั้มที่ 2 ออกในปีถัดมา คือ Like A Virgin ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก และอีกหลายอัลบั้มซึ่งล้วนแต่ได้รับความนิยมสูงสุดติดต่อกันหลายปี จนได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชินีเพลงป๊อป”