posttoday

ทหารปีศาจจักรวรรดินิรันดร

18 พฤศจิกายน 2561

ระยะหลังๆ ไม่ค่อยได้ชมภาพยนตร์สงครามที่จริงจัง

โดย พรเทพ เฮง 

ระยะหลังๆ ไม่ค่อยได้ชมภาพยนตร์สงครามที่จริงจัง เพราะถือว่าออกมาน้อยมาก หรืออาจจะนำเข้ามาฉายในเมืองไทยน้อย โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งผ่านไปเกือบ 80 ปีเข้าไปแล้ว

“Overlord” (ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด) เป็นเรื่องราวของทีมทหารพลร่มอเมริกัน ซึ่งเป็นหน่วยแนวหน้าไปบุกโจมตีเพื่อทำลายหน่วยส่งคลื่นวิทยุเยอรมันที่ปักหลักอยู่ในโบสถ์ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ที่ถูกยึดครองเพื่อเปิดทางให้กองกำลังสัมพันธมิตรบุกตีกองทัพเยอรมนีหรือกองทัพนาซีที่ยึดครองฝรั่งเศส

เมื่อหยิบเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาขยายความเป็นปูมหลัง สงครามนี้เป็นสงครามทั่วโลก กินเวลาตั้งแต่ปี 1939-1945 ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ในโลกมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด แบ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่สงครามสองฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ เป็นสงครามที่กว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์

ทหารปีศาจจักรวรรดินิรันดร

มีทหารกว่า 100 ล้านนาย จากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมโดยตรง สงครามที่รบพุ่งกันมีลักษณะเป็น “สงครามเบ็ดเสร็จ” คือประเทศผู้ร่วมสงครามหลักทุ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเพื่อความพยายามของสงคราม โดยลบเส้นแบ่งระหว่างทรัพยากรของพลเรือนและทหาร

ประเมินกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีผู้เสียชีวิตระหว่าง 50-85 ล้านคน สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุด และมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

เรื่องราวในภาพยนตร์หยิบเอาช่วงท้ายๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเรียกว่าช่วงเหตุการณ์ดีเดย์ (D-Day) และเมื่อมาเจาะถึงปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด (Operation Overlord) ที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ คือแนวรบด้านตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เป็นรหัสนามสำหรับยุทธการที่นอร์มังดี ปฏิบัติการของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ได้เปิดฉากการบุกครองที่ประสบความสำเร็จในดินแดนยุโรปตะวันตกที่อยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมัน

ทหารปีศาจจักรวรรดินิรันดร

ปฏิบัติการครั้งนี้ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 1944 ด้วยการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี การโจมตีทางอากาศโดยเหล่าทหารโดดร่มที่มาพร้อมกับเครื่องบินบรรทุกจำนวน 1,200 ลำ ที่ล่วงหน้าออกไปก่อนที่จะมีการโจมตีด้วยการยกพลสะเทินน้ำสะเทินบกด้วยเรือจำนวน 5,000 ลำ จำนวนทหารเกือบ 1.6 แสนนาย ได้ข้ามช่องแคบอังกฤษเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. และทหารของฝ่ายสัมพันธมิตรมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านนายในฝรั่งเศส ในช่วงสิ้นเดือน ส.ค. และสุดท้ายมีการปลดปล่อยกรุงปารีสตามมา กองทัพเยอรมันได้ล่าถอยไปยังตะวันออกข้ามแม่น้ำแซน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. อันเป็นการยุติของปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด

เหตุการณ์ตามท้องเรื่องในภาพยนตร์จึงเป็นช่วงต้นของปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด และเป็นการบุกปลดปล่อยพื้นที่ของฝรั่งเศสจากกองทัพนาซี ด้วยหน่วยรุกแถวหน้าคือบรรดาทหารพลร่มที่บุกมาทางอากาศลงสู่พื้นที่เป้าหมายที่เป็นฐานบัญชาการหลักของเมืองต่างๆ ที่เยอรมนียึดครองอยู่

การเปิดเรื่องบนเครื่องบินขนส่งพลร่มอเมริกัน ถือเป็นการแนะนำไล่เรียงตัวละครและบุคลิกต่างๆ ไปในตัวอย่างกลายๆ ก่อนที่จะถูกถล่มจากภาคพื้นดินโดยกองทัพนาซี จนเหลือทหารหลงรอดไม่กี่คน และต้องปฏิบัติการภารกิจให้ลุล่วง ถือได้ว่าช่วงแรกเร้าใจและสร้างความเข้มข้นในแง่มุมความสนุกและเมามันของภาพยนตร์สงครามได้ครบเครื่อง

ทหารปีศาจจักรวรรดินิรันดร

การหลบหนีการตามล่าจากทหารนาซี และการช่วยเหลือให้ที่หลบซ่อนในบ้านจากหญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่พูดภาษาอังกฤษและเยอรมันได้ โดยครอบครัวเธอพ่อแม่ถูกทหารนาซีจับกุมตัวไป เหลือเธอกับน้องชายวัยซนอายุไม่กี่ขวบ และเรื่องก็ดำเนินไปอย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจจนในที่สุดก็ตามสูตร ทหารอเมริกันสามารถปราบทหารนาซีได้ และรุกคืบเพื่อปลดปล่อยฝรั่งเศส

น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ในเมืองไทยพยายามสร้างจุดขายในแง่ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับซอมบี้ ซึ่งหมายถึงสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์ที่ตายแล้วศพกลับมามีชีวิต แต่จริงๆ แล้วเป็นหนังสงคราม และเพียงส่วนหนึ่งที่เสริมใส่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ในการทดลองของกองทัพนาซีเพื่อนำคนที่ตายแล้วหรือเชลยมาทดลองเพื่อสร้างปีศาจที่ดุร้ายกระหายเลือดเปี่ยมด้วยกำลังมหาศาลเพื่อเป็นกองทัพทหารปีศาจจักรวรรดินิรันดรครอบครองโลก

สิ่งที่น่าสนใจในมิติของตัวละครเอกที่เดินเรื่อง ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร เป็นแค่ทหารอเมริกันผิวสี แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปก็รู้ว่าการที่เขาสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ ก็เพราะเป็นอเมริกันเชื้อสายเฮติ ซึ่งประเทศเฮติเป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส

ทหารปีศาจจักรวรรดินิรันดร

ตัวละครตัวนี้มีความสำคัญของนัยที่ซ่อนอยู่และลึกล้ำก็คือ เฮติเป็นสถานที่ซึ่งก่อกำเนิดซอมบี้ โดยคำนี้มาจากนิทานพื้นบ้านชาวเฮติที่ว่า ซอมบี้เป็นศพคนตายที่กลับมามีชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ ส่วนใหญ่มาจากเวทมนตร์ และการพรรณนาถึงซอมบี้ในสมัยใหม่ ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ แต่มักใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การแผ่รังสี โรคทางจิต ไวรัส อุบัติเหตุทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

เพราะฉะนั้นกับการที่เขามาเป็นคนถล่มซอมบี้ ระเบิดฐานที่ตั้งทดลองสร้างซอมบี้จึงเป็นการคิดและเขียนบทที่ค่อนข้างรอบคอบ และลงไปสู่มิติทางประวัติศาสตร์ที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน

สรุปว่าเป็นภาพยนตร์สงครามที่ดีและดูสนุก แม้ตอนจบจะลงเอยตามสูตรแบบแฮปปี้เอนดิ้งก็ตาม