posttoday

เจตริน วรรธนะสิน ความสำเร็จถูกวางแบบไว้แต่แรก

05 ตุลาคม 2560

ถ้าให้นึกถึงศิลปินไทยที่เป็นตัวพ่อเพลงแดนซ์ คะแนนเสียงคงเทไปที่ชื่อ เจ-เจตริน วรรธนะสิน

ถ้าให้นึกถึงศิลปินไทยที่เป็นตัวพ่อเพลงแดนซ์ คะแนนเสียงคงเทไปที่ชื่อ เจ-เจตริน วรรธนะสินเกือบ 30 ปี เขายังสามารถครองใจแฟนเพลงในทุกยุคสมัย ปีหนึ่งทัวร์คอนเสิร์ตไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง ทั้งในและต่างประเทศ 

บทเพลงของเขา ฝากเลี้ยง คาใจ แววตา เจ็บไปเจ็บมา ประมาณนี้หรือเปล่า ยุ่งน่า ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ All I Wanna Do ค้นใจ เก็บมันเอาไว้ ฯลฯ ยังฮิตติดหู ถูกนำมาร้องมาเปิดให้ได้ฟังกันอยู่เสมอ

แฟนคลับ แบตเตอรี่ ที่ผลักดันถึงวันนี้

ราคาบัตรคอนเสิร์ตใหญ่ของเจสูงสุดอยู่ที่ 4,000 บาท ซึ่งแฟนคลับเต็มใจ (แย่ง) ซื้อ สิ่งนี้ไม่ได้แทนค่าความรักที่เขาได้รับจากแฟนเพลง หากเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า สิ่งที่เจทำมาตั้งแต่เข้าวงการบันเทิง มันมีคุณค่า สมควรแก่มูลค่าที่แฟนเพลงยินดีจ่าย

“ผมยึดหลัก รักคนที่เขารักเราดีกว่า ผมไม่ใช่คนดีอะไร ผมเป็นตัวของตัวเอง พูดตรง บางคนบอกปากหมา แต่ผมก็เป็นแบบนี้แฟนคลับรักเราก็ดูแลอย่างดี ใครไม่รักไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร เขาไม่ชอบเราทำยังไงเขาก็ไม่ชอบ คนที่รักเขาก็รักเราไปจนวันตาย เราก็รักเขาไปจนวันตายเหมือนกัน

แฟนเพลงผมไม่ได้เพิ่งมี แต่มีตั้งแต่เป็นพิธีกรคอนเสิร์ตลืมโลก รายการแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ออกอัลบั้มแรกตอนอายุ 20

สิ่งที่เราลงทุนมา คือ ผมเล่นคอนเสิร์ต ไม่ว่าจะเวทีใหญ่เล็ก คนดู 50, 30 คน จำได้งานหนึ่งพายุเข้ามีคนดู 10 คน ผมเรียกมาดูติดเวทีเลย

นั่นคือสิ่งที่เราทุ่มเท จะบัตรราคาเท่าไร จะร้านอาหารหรือ อิมแพ็ค อารีน่า ผมเล่นเต็มที่ ผมใส่จนเสียงแหบ ไม่สนุกคืนเงินทันที ซึ่งสิ่งนี้มันส่งผลมา ผมให้ใจจริง ให้เกินร้อย อย่างคอนเสิร์ตใหญ่ กว่าจะออกมาลงตัว เถียงกันแทบจะฆ่ากัน ผมซีเรียสเวลาทำงาน มันถึงให้สิ่งที่ดีที่สุด

ส่วนประกอบที่สำคัญคือ แฟนคลับ ทุกคนโตมากับผม ผมบอกเขาตลอดว่า เขาคือแบตเตอรี่ของผม ผมแคร์เขามาก เราดูแลกันมา ผมมีแฟนคลับที่สนิทกันหลายคน

แฟนคลับผมเรนจ์อายุกว้างมาก บางทีเด็กๆ ชอบลูกชายก็มาชอบพ่อก็มี แต่ส่วนมากช่วงอายุคือวัยทำงาน ไม่ใช่เฟิสต์จ๊อบเปอร์ด้วย แต่บางคนเป็นผู้บริหารแล้ว ซึ่งพร้อมมาเต้นเสาร์อาทิตย์ บัตรราคา 4,000 ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

เวลาจัดที่อิมแพ็คเราจะกังวล บัตรราคา 1,500 จะไม่หมด เพราะบัตร 4,000 จะหมดก่อน เพราะทาร์เก็ตเรากำลังซื้ออยู่ชั้นล่าง แต่ผมก็สัญญาว่าไม่ว่าชั้นไหน บัตรราคาเท่าไร เราจะไปใกล้ชิดทุกชั้น”

 

เจตริน วรรธนะสิน ความสำเร็จถูกวางแบบไว้แต่แรก

 

การเกิดขึ้นอีกครั้งของ เจ-ดีเอ็นเอ

เมื่อเดือน ก.ค.ปีนี้ เจมีคอนเสิร์ตใหญ่ ที่อิมแพ็ค อารีน่า “เจ-ดีเอ็นเอ คอนเสิร์ต” 2 รอบการแสดง สร้างปรากฏการณ์บัตรหลายหมื่นที่นั่งขายหมดในเวลาเพียงไม่นาน

เกิดเสียงเรียกร้องระคนร่ำไห้จากแฟนเพลงที่ซื้อบัตรไม่ทัน มิหนำซ้ำกระแสหลังจบคอนเสิร์ตยังดีมาก หลายคนเรียกร้องผ่านทุกช่องทางโซเชียลอยากสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นอีก 

เอ-ไทม์ โชว์บิส จึงประกาศจัด “เจ-ดีเอ็นเอ เอ็กซ์-ตรีม คอนเสิร์ต” ตอกย้ำความแรงของ คิงส์ ออฟ แดนซ์

การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การรีสเตจ แต่เป็นการอัพเกรดทุกอย่าง ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 และ 17 ธ.ค. 2560

“ผมยังจำประโยคสุดท้ายที่พูดบนเวที แล้วเจอกันใหม่ครับ กลับบ้านดีๆ นะ ตอนนั้นผมเองยังรู้สึก ไม่รู้อีกเมื่อไรเราจะได้เจอกัน คิดว่าจบแล้วเราคงกลับมาทัวร์คอนเสิร์ตเหมือนเดิม 

พอเสร็จคืนนั้นพักเหนื่อยไปทริปแอฟริกาใต้กับครอบครัว กลับมาถึงไทยเปิดดูฟีดแบ็กที่ได้รับ 99% แฮปปี้หมด 

เราเก็บข้อมูลตรงนั้นไว้ ฟีดแบ็กมันดีมากทั้งจากคนที่ได้ไปดูและไม่ได้ไปดู ก็มานั่งคิด ทำการบ้านในใจ แอบคิดอยากมีอีกสักเซตจัง ก็ได้คุยกับพี่ฉอดแบบส่วนตัว (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) ทางพี่ฉอดอยู่กับมีเดียใหญ่ก็มีข้อมูลตรงนี้ ก็เลยส่งเรื่องไปยังทุกฝ่าย เตรียมแผนเรื่องของสปอนเซอร์ เราเช็กคิวว่าช่วงไหนว่าง ต้องดูลูกชายว่ามาได้ไหม

1 เดือนจากนั้นเราตัดสินใจทำ เป็นเรื่องของไทม์มิ่ง เรื่องกระแส เหมือนเราทำอาหารคนมากินแล้วติดใจยังอยากกินอยู่เราต้องเสิร์ฟเลย”

การเตรียมงานทุกอย่างรุดหน้าไวมาก เจให้คำนิยามคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า เหมือนการอัพเกรดโทรศัพท์มือถือ

“มีออปชั่นเพิ่มเข้าไปอีก เชื่อเถอะยังมีอะไรเหลืออีกเยอะให้เราใส่เข้าไป เซอร์ไพรส์ใหม่หมด เพลงช่วงที่จะให้คนแดนซ์มาราธอนก็เปลี่ยนใหม่ แขกรับเชิญก็มีทั้งใหม่และเก่า แสงก็เปลี่ยนเวทีบางอย่างที่คนยังชื่นชอบ อย่างแอร์สเตจ คนยังอยากเห็นภาพนี้ ที่เราลอยไปใกล้ชิดแฟนเพลง ผมคุยกับฝ่ายเวทีเลยว่าอันนี้ดีเก็บไว้เถอะ แต่เพิ่มเข้าไปใกล้คนดูให้ได้มากกว่าเดิมอีก”

ส่วนดีเอ็นเอสายตรงของเจ ลูกชายทั้ง 3 เจ้านาย เจ้าสมุทร และเจ้าขุน ยังขึ้นเวที “มีคนถามมาเยอะว่าจะได้เห็นเจ้านายร้องเพลงเยอะขึ้นไหม ต้องไปดูกันเอง เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เป็นแค่ลูกพ่อ เป็นดีเอ็นเอของเรา แต่เจ้านายเป็นศิลปินแล้ว มีเพลงคนละชั้น เป็นของตัวเอง ก็ต้องรอดูว่าเขาจะมายังไง”

เจตริน วรรธนะสิน ความสำเร็จถูกวางแบบไว้แต่แรก  

 

ต้นแบบ วางแบบ ให้เจ้านาย

เรียกว่าครอบครัวเจมีสายเลือดศิลปินทั้งบ้าน “ปิ่น เก็จมณี” ก็เป็นนักแสดงและอดีตศิลปินอินดี้ แต่ตอนนี้มติที่บ้านส่งลูกชายคนโต “เจ้านาย จินเจษฎ์” มาเป็นศิลปินเดี่ยว เบอร์แรกของค่าย “เจมีดี” ซึ่งเป็นค่ายเพลงของครอบครัว

“เราอยู่ในวงการมานาน รู้ขั้นตอนการทำงานทั้งหมด ลูกอยากออกซิงเกิ้ล เราก็รู้ว่าลูกมีแฟนคลับ มีคนรอเขา ก็คุยกับเจ้านาย ใช้เวลาเป็นปีที่จะดูว่าเขาชอบเพลงแบบไหน คือเขาฟังเพลงแนวผิวสีอยู่แล้ว เราก็หากันไปจนเจอว่า ณ วันนี้ เขาอินกับอาร์แอนด์บี

ไม่ได้คิดว่าจะต้องทำค่าย เราคิดแค่ว่าจะทำเพลงกัน เริ่มจากความสนุก เพราะมันเป็นความสุขที่ได้ทำ เพลงเป็นลิขสิทธิ์ของครอบครัวเรา เพลงพ่อเป็นลิขสิทธิ์ของแกรมมี่ เราภูมิใจตรงนี้

ผมว่าผมโตพอที่จะอยู่ในจุดการทำงานหลายอย่าง สมมติถ้าเจ้านายอยากเล่นละคร ผมก็จะจ้างผู้กำกับมา แล้วเราสร้างละครเอง ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ค่ายไหน”

เพลงคนละชั้น ของเจ้านาย มียอดวิวในยูทูบ 60 กว่าล้านวิว ซึ่งเจให้คำนิยามผลงานนี้ว่า เป็นออร์แกนิก “ปัจจุบันกล้าทำเจมีดี เพราะมีมีเดียฟรี สมัยก่อนถ้าทำคงไม่ได้ ต้องอาศัยนั่นนี่ ตอนนี้เรามีช่องทางของตัวเอง ถ้าบอกเป็นภาษาของเรา เจมีดี เพลงคนละชั้น ผมเรียกว่า ออร์แกนิก ไม่มีการเสริม ไม่มีการซื้อบูทยูทูบ ไม่ซื้อยอดวิว

พูดในการวางแผนการตลาดเพลงของเจ้านาย ผมเดินแค่เกียร์เดียว ผลตอบรับขนาดนี้เรามีความสุขแล้ว ถ้าจะใส่เกียร์สองเกียร์สามต้องรอให้เขาโตกว่านี้ ตอนนี้เจ้านายยังอยู่กึ่งๆ ความเป็นเด็กกับเด็กหนุ่ม ยังไม่เป็นหนุ่มใหญ่

ค่ายเราเริ่มจากศูนย์ เมื่อเดือน ส.ค. ถึงตอนนี้เราประสบความสำเร็จ ผมภูมิใจในลูกผม วันนี้เขา 16 วันหนึ่งเขา 17 19 เรามาดูใหม่

ผมดีใจกับตัวเองด้วยว่า เราทำได้ถ้าเราจะทำ ก่อนหน้านี้มีคนไม่เชื่อมือผมเยอะ วันหนึ่งผมทำให้เพลงคนละชั้นทุบชาร์ตหลายชาร์ตได้

ยุคผมศิลปินแข่งกันเอง แต่ตอนนี้เราโดนต่างชาติตีหมด เราไม่ได้มาเป็นคู่แข่งใคร เราเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ให้เด็กรุ่นใหม่ได้เจอไอดอล

ผมไม่ได้สร้างเจ้านายเป็นนักร้องดังแล้วหายไป ผมสร้างเจ้านายฟอร์แมตเดียวกันกับที่ทำผมมา คือ เป็นสตาร์ 

ผมทำกับเจ้านายแบบในรายการ ทรูแมน โชว์ เขาต้องมีที่มา มีเรื่องเล่า ผมทำตั้งแต่เจ้านายหัดขี่จักรยาน 4 ล้อ เข้าโรงเรียนวันแรกร้องไห้ คือทุกคนได้ติดตาม เห็นเจ้านายมา

แม้กระทั่งตัวผม เราก็ทำมา กว่าจะเริ่มแข่งเจ็ตสกีก็ฝึกซ้อมให้เห็นจนได้แชมป์โลก ทุกอย่างไม่ได้สร้างวันเดียว

ผมบอกเจ้านายว่า ในโซเชียลลูกอาจจะดังกว่าพ่อ แต่ถ้าลูกอยากจะดังให้นานเหมือนพ่อต้องทำยังไง ก็มีทั้งบอกและทำให้เห็น

เจ้านายเขารู้ว่า มีคนรักเขาเพิ่มขึ้น แต่ยังอายๆ อยู่ เวลาแฟนคลับมาทัก เราก็บอกโบกมือไปเลย เราเป็นคนสาธารณะ

สอนเขาตลอด แฟนคลับคือแบตเตอรี่ของเรา แฟนคลับคือผู้มีพระคุณของเรา ผมร้องเพลงปีหนึ่ง 200 เวที เจ้านายเขาเห็นว่าผมไม่เคยรังเกียจแฟนคลับเลย ไม่ได้ทำเพื่อเสแสร้ง แต่เราเป็นแบบนั้น ซึ่งส่งผลให้เรามาถึงวันนี้ เจ้านายเขาก็ได้เห็นแล้วเขาก็จะเรียนรู้เอง”