ซันนี่-เคนจิ สองเพื่อนซี้กับชีวิตหลังออกล่าพระอาทิตย์
"ไม่มีคำว่าคว้าน้ำเหลวหรอก ถึงแม้จะไม่เห็นพระอาทิตย์แต่มันก็อยู่ตรงนั้น" น่าจะเป็นประโยคติดหูและติดใจที่สุดของรายการ เดอะ ซัน ฮันเตอร์ (The Sun Hunter)
เรื่อง กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัยภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
"ไม่มีคำว่าคว้าน้ำเหลวหรอก ถึงแม้จะไม่เห็นพระอาทิตย์แต่มันก็อยู่ตรงนั้น" น่าจะเป็นประโยคติดหูและติดใจที่สุดของรายการ เดอะ ซัน ฮันเตอร์ (The Sun Hunter) จากปากของผู้ดำเนินรายการ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และเคนจิ-วันสว่าง บุญพิพัฒนาพงศ์ สองเพื่อนซี้สายฮาที่กอดคอเดินทางไปตามล่าพระอาทิตย์
ทำไมเลือก "พระอาทิตย์" เป็นธีมหลัก
ทั้งสองแทบจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เพราะมันเป็นเรื่องของการเริ่มต้นและหมดไป
เคนจิ : พระอาทิตย์เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่มนุษย์ทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ แต่เราจับต้องมันไม่ถึง บางครั้งเราอาจมองไม่เห็น แต่เราก็อยู่ว่ามันอยู่ตรงนั้น
ทุกวันพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกเสมอ จริงอยู่ว่าพระอาทิตย์เป็นสิ่งที่ควบคุม ไม่ได้ แต่แม้กระทั่งชีวิตเราก็ควบคุมไม่ได้ ซึ่งนี่แหละเป็นรสชาติ เป็นความสนุกสนานของชีวิต
ซันนี่ : หากมองดีๆ มันก็เหมือนเป้าหมายในการใช้ชีวิต เป้าหมายในการทำงาน และเป้าหมายในทุกๆ เรื่อง เวลาเรากำลังพยายามทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ยังไม่เห็นเป็นรูปร่างสักที อยากให้รู้ไว้ว่าความพยายามของเราไม่มีวันสูญค่า เหมือนกับพระอาทิตย์ที่มีเมฆบดบัง เราอาจไม่เห็นเป็นลูกกลมแดงสวยงาม แต่เราก็รู้ว่ามันกำลังขึ้นอยู่
แสงแรกของวันเหมือนความหวังในวันใหม่ และเมื่อพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปมันก็เป็นความสวยงามสุดท้ายที่ทำให้เรารู้ว่า ชีวิตยังมีวันพรุ่งนี้ ชีวิตมันจะมีคุณค่ามากกว่า ถ้าเราพยายามทำอะไรแล้วไปเจออุปสรรค จากนั้นอีกวันหนึ่งเราทำสำเร็จขึ้นมา เราจะรู้สึกว่ามันมีค่ามาก
ฮันเตอร์ซัน ฮันเตอร์จิ และทีมงานออกเดินทางสู่ทวีปยุโรปเพื่อตามล่าหาพระอาทิตย์เป็นครั้งแรก นับจำนวนเมืองที่พักและผ่านได้กว่า 20 เมืองใน 3 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส โมนาโก และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลา 14 วัน
รายการมีสคริปต์ไหม
ซันนี่ : ไม่มีสคริปต์ (ตอบเสียงหล่อ) แต่เราจะกำหนด โลเกชั่นว่าวันนี้จะไปที่ไหนบ้าง เวลาผ่านไปเมืองไหนจะดูว่าตรงไหนของเมืองสวย หรือบรรยากาศตรงไหนที่เหมาะกับการดูพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก จากนั้นระหว่างวันก็จะทำกิจกรรมสนุกๆ หรือเดินชมบ้านเมือง ไปดูแลนด์มาร์คเหมือนนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ยังไม่เคยไป ซึ่งเราจะบอกข้อมูลคร่าวๆ ให้คนอยากมา ให้เขาอยากมาเห็นด้วยตาและเจอสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง
บางคนอาจมองว่ารายการเราไม่มีสาระหรือเปล่า แต่ผมคิดว่า สาระมันอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ต่อให้เรื่อง ไร้สาระ ถ้าคนอยากหาสาระกับมันก็หาได้ อย่าไปโทษคนอื่นว่า ดูไปทำไมไม่เห็นได้สาระอะไร ผมว่าไม่เกี่ยว เพราะมันอยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น อยู่ที่ว่าคุณมองแล้วคุณได้อะไรจากสิ่งนั้น คุณมองแล้วเห็นโอกาสจากสิ่งนั้นหรือเปล่า และคุณมองแล้วเห็นประโยชน์จากสิ่งนั้นแค่ไหนแค่นั้นเอง
คิดว่าชีวิตยังต้องตามล่าหาอะไรอีก
ซันนี่ : จริงๆ ชีวิตไม่ต้องตามหาอะไร แต่มันเป็นสิ่งที่เราอยากทำอะไรมากกว่า ในรายการเป้าหมายของเราคือ พระอาทิตย์ แต่ระหว่างนั้นเราได้อะไรจากการเดินทางบ้าง สำหรับคนอื่นเป้าหมายก็คือ ความฝันในชีวิต เรารู้อยู่แล้วว่าเรามีทิศทางที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมาย แต่สิ่งที่เราเจอระหว่างนั้นมีอะไรบ้างต่างหากที่สำคัญ
เคนจิ : วันนี้เป็นแบบนี้ หลับไป ตื่นมาเราก็จะรู้เองว่าชีวิตมันเป็นยังไง เราต้องการอะไร อย่างการไปตามล่าดวงอาทิตย์ มันไม่ใช่แค่ไปนั่งดูพระอาทิตย์เฉยๆ แต่มันคือการออกไปหาแรงบันดาลใจ เพราะสิ่งๆ เดิมอย่างดวงอาทิตย์มันอาจทำให้ความคิดเราเปลี่ยนก็ได้
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์
ซันนี่ : ความจริงคือ เราสองคนไม่ใช่คนตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือไปนั่งรอดูพระอาทิตย์ตก เพราะมัวแต่ยุ่งกับการทำงานจนไม่มีเวลา แต่พอออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ เราถึงรู้ซึ้งถึงความสำคัญกับสิ่งที่เราเคยมองข้ามมาตลอด
เป้าหมายสูงสุดของทั้งคู่คือ การเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกรอบโลก ซึ่งแม้จะเป็นพระอาทิตย์ดวงเดียวกันแต่เมื่อต่างเวลาและต่างสถานที่กัน ความรู้สึกนึกคิดเมื่อได้มองพระอาทิตย์ดวงเดิมนั้นก็จะไม่มีวันเหมือนเดิม
ทุกครั้งที่ปิดท้ายรายการต้องจบด้วยคำคมเท่ๆ?
ซันนี่ : (เสียงดัง) เวลาที่ผมพูดอะไรตามที่ผมเข้าใจ คนมักคิดว่า โอ๊ย มันคมมาก เป็นคำคมซะเหลือเกิน แต่ผมไม่ได้อินกับการที่ต้องมาเขียนอะไรที่มันคม ผมไม่ชอบมากที่สุดคือ การไปบอกให้ใครทำอะไร บอกให้ใครมีชีวิตแบบนี้สิให้คำพูดมันดูคมขึ้นมา ผมแค่เข้าใจแบบนี้ ก็พูดออกไปแบบนี้ ส่วนคนจะเห็นอะไรจากสิ่งที่ผมพูดก็เป็นเรื่องของเขา เพราะชีวิตของเราไม่เหมือนกัน เราจะนำชีวิตของคนนี้ไม่ใช้ในชีวิตของเราไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เจออย่างที่เขาเจอ
เหมือนในรายการมันก็เป็นประโยคที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ประสบพบเจอมา เช่น ถ้าเราจะมุ่งไปทางทิศทางนั้น เราต้องไม่ท้อ เราต้องเดินต่อไปให้มันเจอ ดังนั้นชีวิตมันไม่มีคำว่าคว้าน้ำเหลวหรอก เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ทำมันอยู่ดี
มิตรภาพ 17 ปี
ซันนี่ : เวลาเราต่อติดกับใคร แล้วไม่ได้เจอกันนานๆ แต่พอกลับมามันก็จะต่อติดเหมือนเดิม คือทุกคนมีความคิด มีคาแรกเตอร์ของตัวเขาเอง เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันไป โดยเฉพาะยิ่งเรารู้จักเขาเยอะ เราก็ต้องยิ่งเข้าใจว่าเขาเป็นคนแบบไหน แค่นั้นเอง อย่างตอนนี้เรากลับมาเดินทางด้วยกัน แต่ไม่เคยทะเลาะกันเลย นั่นเพราะเราต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าจะเถียงกันเรื่องอะไร เจตนาของคนทั้งคู่คืออยากให้มันดี พอเรารู้เจตนาเขาแล้วก็จะไม่มีปัญหาตามมา
เคนจิ-วันสว่าง บุญพิพัฒนาพงศ์
เคนจิ : ซันนี่เป็นคนดี (จบ)
สำหรับชีวิตส่วนตัวของทั้งคู่ เคนจิเป็นเจ้าของค่ายมวยและเป็นเจ้าของร้านอาหาร แอนิมอล คาเฟ่ ซึ่งทุกอย่างเกิดมาจากความชอบล้วนๆ ส่วนซันนี่ เขาสารภาพว่า อาชีพที่รักมีเพียงอย่างเดียวคือ นักแสดง ส่วนที่เหลือถือว่าเป็นการใช้ชีวิต อย่างการท่องเที่ยวก็เป็นหนึ่งในความฝัน เพราะเขาอยากไปทุกที่ที่ยังไม่เคยไป และการทำรายการเดอะ ซัน ฮันเตอร์ ก็เป็นหนึ่งในทิศทางที่ทำให้เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น
การเดินทางส่งผลอะไรต่อชีวิต
ซันนี่ : การเดินทางคือการเรียนรู้ ออกไปเจอในสิ่งที่เราไม่เคยเจอเลย จะได้เข้าใจว่าที่นี่เป็นแบบนี้เพราะอะไร เหมือนเปิดหนังสือเล่มใหม่ ไม่อย่างนั้นเราก็จะรู้แค่นี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจด้วยว่าเราอยากรู้แค่ไหน แต่ละคนก็จะต่างกันไปและจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
เคนจิ : สำหรับผมการเดินทางเป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับชีวิต สร้างสีสันให้กับชีวิต และได้เรียนรู้เรื่องของคน ทำให้เราเห็นมุมมองการใช้ชีวิตของคนอื่นให้มาปรับใช้ในชีวิตของเราเอง ซึ่งมันจะมีมาเรื่อยๆ เท่าที่เราสามารถมองเห็น
ปัจจุบันซันนี่อายุ 36 ปี ส่วนเคนจิไล่มาติดๆ ในวัย 35 ปี ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่คนบ้าออกตามล่าพระอาทิตย์ และเป็นครั้งแรกของรายการท่องเที่ยวที่กล้านำพระอาทิตย์มาเป็นเป้าหมายในการเดินทาง โดยสามารถติดตามได้ทางไลน์ทีวี ทุกวันพุธ เวลา 12.00 น. ผ่านแอพพลิเคชั่น Line TV หรือเว็บไซต์ tv.line.me n
ขอบคุณสถานที่ : KTC POP