posttoday

สุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ ครบเครื่องคนข่าวรุ่นใหม่

18 กันยายน 2557

จากจุดเริ่มต้นการเป็นผู้ประกาศข่าว ด้วยการเข้าประกวดในโครงการ “ผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ สำนักข่าวไทย รุ่นที่ 3”

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช 

จากจุดเริ่มต้นการเป็นผู้ประกาศข่าว ด้วยการเข้าประกวดในโครงการ “ผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ สำนักข่าวไทย รุ่นที่ 3” เมื่อครั้งที่เขายังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเขาก็สามารถฝ่าด่านการประกวดจากผู้ที่สนใจเป็นผู้ประกาศข่าวกว่า 300 คน จนสุดท้ายได้เป็น 1 ใน 3 ของผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ที่มีผลงานการรายงานข่าวของสำนักข่าวไทยทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ทั้งการเป็นผู้ประกาศข่าวต้นชั่วโมง ข่าว 9 เศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวโต๊ะเฉพาะกิจ ผู้เรียบเรียงข่าว และล่าสุดกับการมารับหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวภาคค่ำอย่างเต็มตัว ตั่วสุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ จึงเป็นชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่เมื่อแสวงหาโอกาสแล้วได้รับโอกาส เขาก็พร้อมทำหน้าที่ที่ได้รับมานี้ให้ดีที่สุด

“ตอนนี้ผมเป็นผู้ประกาศข่าวภาคค่ำ ทุกวันพฤหัสบดีถึงเสาร์ หนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มสิบนาที อ่านรอบวันข่าว ช่วงเที่ยงคืน อ่านทุกคืนวันพุธ พฤหัสบดี และวันศุกร์ เป็นการสรุปข่าว นอกจากนี้ ผมยังเป็นผู้สื่อข่าวโต๊ะเฉพาะกิจที่ลงพื้นที่ไปทำข่าวเพื่อซัพพอร์ตให้กับโต๊ะต่างๆ เมื่อมีประเด็นข่าวที่น่าสนใจหรือกำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น ตอนนี้ผมเลยมีสองหน้าที่ คือเป็นทั้งผู้ประกาศข่าวและผู้สื่อข่าว ซึ่งเป็นคนแรกของช่องที่ได้ทำสองหน้าที่นี้ อ้อ ลืมไป ผมจัดรายการวิทยุอีกด้วยครับ (ยิ้ม)”

สุทิวัส เผยว่า เขาอยากเป็นผู้สื่อข่าวมาตั้งแต่สมัยเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา อยากเรียนสายนิเทศศาสตร์ ชอบการเป็นพิธีกร ชอบทำกิจกรรม แต่ทางบ้านไม่สนับสนุน เขาเลยต้องเบนเข็มไปเรียนสายเศรษฐศาสตร์ ประกอบกับเขาได้มีโอกาสไปเข้าค่ายเกี่ยวกับการเป็นผู้สื่อข่าว พี่ๆ ที่ค่ายได้แนะนำเขาว่า การเป็นนักข่าวไม่จำเป็นต้องจบสายนิเทศศาสตร์ เรียนสายใดมาก็สามารถเป็นนักข่าวได้ เขาเลยตัดสินใจเรียนสายเศรษฐศาสตร์ เพื่อเป้าหมายในการเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ ซึ่งเขาก็สามารถเดินไปตามเป้าหมายนั้นจนทำได้สำเร็จในวันนี้

“การเป็นผู้ประกาศข่าวหรือเป็นผู้สื่อข่าว ผมว่าสิ่งสำคัญในอาชีพนี้คือทักษะการทำข่าว ที่เมื่อเราสื่อข่าวออกไปคนดูต้องเข้าใจ ลื่นไหลไปกับข่าวที่เรานำเสนอ และอยากติดตามการนำเสนอข่าวของเราไปเรื่อยๆ มีข่าวที่ผมทำแล้วภาคภูมิใจมาก คือการทำข่าวเรื่องจำนำข้าว ตอนนั้นผมยังฝึกงานด้านข่าวภาคสนามอยู่ ตอนลงไปทำข่าวแล้วไปเจอพันธุ์ข้าวชนิดหนึ่ง ซึ่งชาวนาปลูกกันแพร่หลายมาก แต่พันธุ์ข้าวสายพันธุ์นี้ยังไม่ได้ผ่านการรับรอง แถมยังทำให้เกิดโรคระบาด พอเราเปิดประเด็นนี้ทำให้ผู้เกี่ยวข้องต่างตื่นตัวกันมาก ตอนทำข่าวนี้เราไม่ได้มีความรู้ด้านนี้เลย โชคดีที่มีพี่ๆ ทีมงานคอยแนะนำ คอยช่วยเหลือ ทำให้เรารู้ว่าเราจะต้องไปคุยกับใคร จะต้องทำอย่างไรต่อไป ตอนนั้นทำข่าวเรื่องนี้ 78 ตอน ทำจนรู้เรื่องข้าวได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าตอนนี้ถ้ามีข่าวเรื่องข้าวต้องส่งผมลงไปทำ (หัวเราะ)”

ในมุมมองการทำงานข่าวของชายหนุ่มคนนี้ เขามองว่า เมื่อต้องลงไปทำข่าวที่กำลังเป็นกระแสต้องให้ความสำคัญกับเวลา ความเร็วต้องมาก่อน ทำเช้าต้องได้ออกเย็น ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนดูหรือคนติดตามข่าวอยากบริโภคข่าวที่กำลังเป็นกระแสให้ได้เร็วที่สุด

 

สุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ ครบเครื่องคนข่าวรุ่นใหม่

“สำหรับการทำงานข่าวเชิงวิเคราะห์ นี่เป็นจุดที่ผมอยากไปยืนอยู่ตรงนั้น ผมอยากก้าวขึ้นไปทำการวิเคราะห์ข่าว และอยากมีรายการเป็นของตัวเอง ผมอยากนำเสนอประเด็นที่ต่างออกไปให้กับสังคม ผมจำได้ว่าตอนผมไปทำข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ ผมพยายามคิดว่าผมจะนำเสนอข่าวอย่างไร เพื่อให้คนได้ตระหนักถึงผลลัพธ์ของการเกิดอุบัติเหตุอย่างแท้จริง ผมเลยไปทำข่าวเกี่ยวกับธุรกิจการทำโลงศพ แล้วได้ค้นพบว่าคนแห่ซื้อและกักตุนโลงศพไว้มากมายที่ภาคอีสาน แสดงว่ามันขายดีมาก เพราะมีคนเสียชีวิตมาก ถ้าเราไม่ระมัดระวังในการขับขี่รถรา โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ เราอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจนี้ได้”

ในฐานะผู้ประกาศข่าวและผู้สื่อข่าวที่เป็นคนรุ่นใหม่ สุทิวัส เผยว่า นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เขามีมุมมองใหม่ๆ และความกล้าในการทำข่าวที่ฉีกออกไปจากประเด็นเดิมๆ “การทำข่าวโดยไม่มีกรอบเดิมๆ มากำหนด มันช่วยทำให้เราสามารถทำในสิ่งที่แตกต่างได้ แต่อย่างไรก็ยังต้องอยู่บนพื้นฐานของกรอบที่สังคมยอมรับได้ ไม่ได้ฉีกหรือหลุดโลกไปเลย”

สำหรับคติประจำใจในการใช้ชีวิตของสุทิวัส เขาเผยว่า ต้องไขว่คว้าโอกาสที่ผ่านเข้ามา เพราะโอกาสไม่ได้ผ่านเข้ามาง่ายๆ “แต่เราก็ต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองด้วยนะครับ เราเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องพัฒนาตนเอง และพยายามเรียนรู้บทเรียนจากคนรุ่นก่อนๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด คุณครูท่านหนึ่งเคยสอนผมว่า คนรุ่นใหม่ต้องพัฒนาให้เก่งกว่าครู ถ้าคนรุ่นใหม่ไม่เก่งกว่าครูที่สอน โลกนี้มันจะพัฒนาไปได้อย่างไร ในสายข่าวของผม ผมมีไอดอลคือพี่โบว์ เกวลิน กังวานธนวัต พี่โบว์ทำการบ้านได้ดีมาก อ่านข่าวได้ดีมาก ยิ่งการรายงานข่าวเป็นงานสด พี่โบว์สามารถควบคุมในสิ่งที่ควบคุมได้ดีมาก แต่ท้ายที่สุด สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพี่โบว์เป็นพิเศษคือ เราต้องอ่านข่าวด้วยความเข้าใจที่มาจากการเรียนรู้ข่าวนั้นๆ ได้อย่างแท้จริง”

ด้วยการที่เป็นคนรูปร่างหน้าตาดี จัดได้ว่าหล่อล่ำเอาการ เนื่องมาจากการเป็นคนชอบออกกำลังกาย ชอบเข้ายิม ยกเวต และปั่นจักรยาน แต่นั่นก็เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่หากมันจะเป็นผลดีต่อการทำงาน นั่นก็เป็นผลพลอยได้ที่ดีอยู่มิใช่น้อย “สิ่งที่จะวัดกันได้ดีที่สุดในสายข่าว คือ เนื้อหาของข่าว การนำเสนอข่าว บุคลิกหน้าตาของผู้ประกาศข่าวหรือผู้สื่อข่าว น่าจะมีส่วนอยู่เพียง 30% เท่านั้นเองครับ”

เกี่ยวกับ ตั่วสุทิวัส

เกิดวันที่ 6 ก.ย. 2532 ส่วนสูง 177 ซม. น้ำหนัก 72 กก.

จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอกวิชาเศรษฐศาสตร์การเงิน วิชาโท การเงิน

สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ เป็นพิธีกรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นผู้แทนอัญเชิญธรรมจักร ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในงานฟุตบอลประเพณี ครั้งที่ 66 และเป็นผู้อัญเชิญป้ายงานฟุตบอลประเพณี ครั้งที่ 67

ยามว่างชอบไปดูหนังนอกกระแส หรือหนังสารคดีที่โรงภาพยนตร์เฮาส์ อาร์ซีเอ เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ หรือแนวคิดใหม่ๆ ให้กับสายงานข่าวของตนเอง