posttoday

เจาะเกราะ ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา โตจากผ้า...รุ่งจากมวยไทย

16 กันยายน 2557

มวยไทย เกมกีฬาประจำชาติไทย อันโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แขกฝรั่งมังค่ายอมรับนับถือ

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

มวยไทย เกมกีฬาประจำชาติไทย อันโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แขกฝรั่งมังค่ายอมรับนับถือ ข้ามน้ำข้ามทะเลบินมาเรียนกันถึงแหล่งแห่งที่ จึงไม่แปลกที่ค่ายมวยยามนี้ จะผุดบานเป็นดอกเห็ด หนึ่งในนั้นคือเลเจนด์ ไทย บ๊อกซิ่ง หากในความเหมือนมีความแตกต่าง นั่นคือความเป็นค่ายมวยที่ถอดบทเรียนมาจากครูมวยชื่อดัง เรียนจริง เตะจริง ต่อยจริง มาตรฐาน ขณะเดียวกันก็อุดช่องโหว่ช่องว่างในความดิบเถื่อนของค่ายมวยแบบเดิมๆ เดินเข้ามาในยิมแห่งนี้ อาจเผลอไผลไปว่ากำลังอยู่ในโรงแรมห้าดาว

ผู้อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์และความสำเร็จไม่ใช่ใคร ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก ไลฟ์ พลัส เจ้าของและหุ้นส่วนยิมดัง เลเจนด์ ไทย บ๊อกซิ่ง ในวัยเพียง 32 ปี ทำให้เขากำลังเป็นที่จับตาในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงกับยิมมวยและฟิตเนสที่กำลังเป็นที่กล่าวขาน ปัจจุบันเปิดแล้ว 2 สาขา ปิ่นเกล้าและสาทร ปีหน้าเตรียมเปิดอีก 3 แห่ง ในภาคอีสาน และอีก 1 แห่ง ย่านถนนรัชดาภิเษก นอกจากนี้ยังทำแบรนดิ้งธุรกิจผ้าของครอบครัว จากร้านขายส่งผ้าเล็กๆ เอส.แอล.แฟบบริค ปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์ดังเบลลีบู (Belle Boo) ที่ขายและส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลก

ธีรพัฒน์ หรือบอนด์ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้น เขาบอกว่า เริ่มตั้งแต่เด็กๆ ก็ขายผ้าอยู่ในสำเพ็ง เขาเป็นลูกคนโต ที่บ้านเป็นครอบครัวคนจีนขายผ้าสำเพ็ง เพราะฉะนั้นก็โตจากสำเพ็ง อายุแค่ 10 ขวบ พ่อก็พามาช่วยงานที่ร้านแล้ว ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ได้เที่ยวสนุกแบบเพื่อนคนอื่นๆ แต่ต้องมาสำเพ็งกับพ่อ สัมผัสเรียนรู้บนถนนคนขายผ้า เก็บเกี่ยววิชาความรู้และความไม่รู้ สอนตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง ทั้งจากการซึมซับและสั่งสอนจากพ่อ และจากพ่อค้าอีกนับร้อยนับพันในสำเพ็งนั้นเอง

“เคยเห็นร้านขายผ้าในสำเพ็งใช่มั้ยครับ ที่ยืนตบมือเรียกแขกอยู่หน้าร้าน นั่นแหละผมเลย (ฮา) สามเมตรร้อยครับ สามเมตรร้อย ตอนนั้นน้อยใจพ่อมาก ทำไมเราไม่ได้เล่นสนุก หรือไปเที่ยวไหนแบบเพื่อนบ้าง งงๆ นะ ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ความเป็นเด็กทำให้อยากเล่น บางทีโกรธพ่อมาก ไปยืนตบมือเรียกแขกแบบไม่พูดไม่จา หน้าง้ำ คิดในใจว่า ทำไมนะ ทำไมเราถึงไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองเลย” บอนด์ เล่า

ทำแบบไม่ทำ เรียกแขกแบบหน้าบึ้ง ออกอาการงอนและโกรธ โตขึ้นมาจึงได้รู้ว่า พ่อต้องการให้ซึมซับวิธีค้าขาย วิธีเจรจากับลูกค้า วิธีต่อรอง และสารพัดสารพันวิธีของกลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ ไม่ทำก็ไม่ได้รู้ เด็กน้อยบอนด์เดินบ้าง วิ่งบ้าง ไปตามทาง ใช้เวลาช่วงที่ไม่ต้องเรียกแขก ตุรัดตุเหร่วิ่งเล่น ลัดเลาะซอกซอนไปตามประสา บนถนนสำเพ็งคือเพชร เคล็ดวิชาที่แล้วแต่ใครจะเห็น แล้วแต่ใครจะมอง และหยิบฉวยคว้าไว้

เจาะเกราะ ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา โตจากผ้า...รุ่งจากมวยไทย

 

บอนด์ บอกว่า บ้านของเราไม่ใช่คนร่ำรวย ธุรกิจเริ่มจากร้านเล็กๆ ขายส่งผ้า ฐานะปานกลาง เรียนจบก็มาช่วยพ่อทำงาน ไม่ใช่แบบลูกอาเสี่ยที่ชี้นิ้วสั่งคนงานหรอกนะ แต่เป็นคนงานชั้นกุลีที่ทำทุกอย่าง กวาดบ้าน ถูบ้าน เข็นรถส่งของอยู่ในสำเพ็ง ถ้าลูกค้าสั่งผ้าก็ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปส่งผ้า หลายคนคงคุ้นตาดีกับภาพของรถเวสป้า ที่มีผ้าซ้อนๆ กันเป็นภูเขา วิ่งเข้าออกสำเพ็งส่งของให้ลูกค้าเป็นอาจิณ น้อยเนื้อต่ำใจเหมือนกัน เงินเดือนก็แค่ 6,000-7,000 บาท พ่อให้แค่นั้น

เรื่องไม่ง่ายเพราะชีวิตไม่ง่าย กว่าจะยอมมาทำงานกับพ่อ ก็ผ่านเรื่องผ่านราวเยอะ บอนด์บอกว่า เขาเป็นเด็กเกเรมาก่อน พ่อส่งเรียนอัสสัมชัญ บางรัก แต่ไม่ตั้งใจเรียน เอาว่าอย่าพูดว่าไม่ตั้งใจเรียน แต่ต้องพูดว่าไม่เรียน (ฮา) ทุกครั้งที่มีเรื่องชกต่อยทะเลาะวิวาท เด็กชายบอนด์เป็นต้องโดนหวดเป็นรายแรก ได้ชื่อว่าเป็นหัวโจกที่ชกต่อยและมีเรื่องกับเขาไปทั่ว วิชาไหนที่ไม่ชอบ ได้เกรด 0 วิชาไหนที่ชอบ ได้เกรด 4 ไม่มี 1 2 3 สมุดพกมีแต่เลข 0 กับเลข 4

“ผมโดนตีมาตั้งแต่เด็ก เคยต้องทำข้อสอบวิชาเดียวกัน 3 หน เพราะครูไม่เชื่อว่าหน้าอย่างผมจะสอบได้เกรด 4 จนหนที่ 3 ครูถึงเชื่อ ยอมให้เกรด” บอนด์ เล่า

เรื่องความมุทะลุ มีเรื่องมีราวชกต่อยอยู่เรื่อยๆ ทำให้พ่อแม่เอือมระอา ในสมัยหนึ่งแม่ของเขาเคยถูกเรียกไปคุยกับครูที่โรงเรียนแทบจะทุกวัน จนแม่เบื่อต้องให้คนขับรถไปแทนอย่างนี้ก็มี ความเกเรของบอนด์ในช่วงวัยรุ่น สร้างความอิดหนาระอาใจแก่ครอบครัว ระบาดไปถึงวงศาคณาญาติและในหมู่เพื่อนฝูงของพ่อ ใครมีลูกมีหลานไม่อยากให้มาคบกับเขา ถึงขั้นว่าครั้งหนึ่งมีญาติและเพื่อนของพ่อที่ตราหน้าเขาไว้ “ชาตินี้ไอ้นี่ไม่มีทางได้ดี”

มีอยู่ครั้งหนึ่งจะด้วยสาเหตุอันใด ก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นจดจำ เขากับพ่อทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนเขาหนีไปอาศัยอยู่กับญาติฝั่งแม่ ไม่ยอมกลับบ้านเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ไม่กลับบ้าน ไม่คุยโทรศัพท์ เลิกติดต่อกับที่บ้านจนแทบจะตัดลูกตัดพ่อกันไป ช่วงนั้นลอยไปลอยมาไม่ได้เรียนหนังสือ ญาติให้ทำอะไรก็ทำ หรืออี๊อยากไปไหนก็อาสาขับรถให้อี๊นั่ง รวมทั้งไปบินเดี่ยว ซื้อมาขายไปอยู่หลายจ๊อบ หาอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ ทำไป เช่น ขายมือถือ ขายเสื้อหนาว ทำได้ดีมีเงินใช้แบบไม่ต้องง้อที่บ้านก็แล้วกัน

“1 ปีผ่านไป พ่อเรียกผมเข้าไปคุย พ่อพูดกับผมว่า สิ่งที่ผมทำตอนนี้มันเหมือนขนมหวาน เรากินขนมหวานได้อร่อยไม่ทุกมื้อหรอก ให้กลับมาทำงานกับพ่อ ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา สร้างตัวจริงๆ ของเราขึ้นมา”

ในที่สุดก็กลับมาทำงานกับพ่อ และอย่างที่เล่าในตอนแรก พ่อให้เงินเดือนแค่ 6,000-7,000 บาท น้อยมาก แต่นึกย้อนตอนนี้ก็ดีแล้ว เพราะไม่งั้นก็คงอีลุ่ยฉุยแฉกและใจแตกไปอีกรอบ บอนด์บอกว่า ทำงานหนักมาก ตอนนั้นอายุ 19 ปี แต่ทำทุกอย่าง ตอนหลังเงินมันน้อยจนทนไม่ไหว ก็ขอพ่อไปเป็นเซลล์ บอกพ่อว่าขอผมเป็นเซลล์เถอะ พ่อก็ยอม แต่ก็ยอมแบบต้องไปเป็นลูกน้องเขา ไปเป็นลูกน้องของเซลล์เก่งๆ เรียนรู้จากเขาให้ได้ พ่อบอก

เจาะเกราะ ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา โตจากผ้า...รุ่งจากมวยไทย

 

เซลล์คนใหม่ทำยอดขายระเบิดระเบ้อ จนพ่อต้องแอบไปกระซิบถามหัวหน้าเซลล์ว่า แอบโอนยอดมาให้หรือเปล่า หัวหน้าเซลล์บอกเปล่า เขาทำของเขาเอง เก่งนะเด็กคนนี้ ขนาดนั้นพ่อยังไม่ยอมชมเชยลูกชายคนโต สิ่งที่พ่อทำ...มากที่สุดที่พ่อเคยทำคือการเดินเข้ามาตบไหล่ ในวันนั้นพ่อพูดเบาๆ ว่า “เรายังฝึกงานอยู่นะ” พ่อพูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้เซลล์คนใหม่หลงระเริงไป หรือลืมตัวไป กลัวจะเหลิงนั่นเอง

จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา ต้องขอบคุณพ่อที่เตือนสติ ไม่อย่างนั้นคงหลงทางไปไกล ปัจจุบันธุรกิจผ้าของที่บ้าน ได้ช่วยกันกับญาติพี่น้อง โดยเฉพาะน้องสาว สร้างแบรนด์ผ้าใหม่ชื่อเบลลีบู ส่งออกไปยังตลาดใหญ่ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส ซาอุดิอาระเบีย และญี่ปุ่น ส่วนเลเจนด์ ไทย บ๊อกซิ่ง เพิ่งเริ่มได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง แม้ปัจจุบันจะเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ทั้งจากลูกค้าและจากคนทำธุรกิจยิมมวยด้วยกันเอง แต่ก็ยังต้องสู้ต่อ

ธุรกิจมวยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ บอนด์เล่าให้ฟังว่า สังเวียนมวย ณ วินาทีนี้ ต้องคิดกันอีกหลายชั้น ต้องฝันกันอีกหลายยก อุปสรรคมีให้ฝ่าฟัน ใจนั้นไม่ท้ออยู่แล้ว ความฝันของเขาคือการปั้นให้เลเจนด์ ไทย บ๊อกซิ่ง ให้เป็นฟิตเนส เฟิรส์ทที่ดีที่สุดในประเทศไทย เป็นสถานที่ที่คนชอบออกกำลังกายคิดถึงเป็นแห่งแรก ปีหน้าสยายปีกแตกสาขาบุกภาคอีสานรับเออีซี อดีตครูมวยที่ได้รับการยอมรับทั้งชื่อชั้นคือ ผุดผาดน้อย วรวุฒิ หรือหมูแข้งทอง ก็พร้อมจะบุกไปด้วยกัน ถือเป็นเครดิตของยิม รวมทั้งเป็นที่มาของชื่อ “เลเจนด์” ครูมวยระดับตำนานนั่นเอง

“ต้องสู้อีกเยอะครับ ต้องต่อยกันอีกหลายหมัด” บอนด์ เล่า

เลเจนด์ ไทย บ๊อกซิ่ง

ชื่อจริง ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา

ชื่อเล่น บอนด์

อายุ 32 ปี

อดีต

ตั่วเฮียของบ้าน เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก เล่นกับพี่น้องหรือญาติ ไม่ยอมเล่นเป็นลูกน้อง ต้องเป็นหัวหน้าเสมอ เกมที่ตั่วเฮียสั่งให้เล่นประจำคือ เกมเจ้าของธุรกิจ (ฮา) แล้วก็สั่งให้น้องคนนู้นคนนี้ ไปเปิดโรงงาน ไปเปิดสาขา จ่ายเช็ค สั่งของ ฯลฯ...มีแววตั้งแต่เด็กนะเนี่ย

ความใฝ่ฝัน

ก็คือการอยากเป็นเจ้าของกิจการ คิดฝันตั้งแต่เด็ก 10 ขวบ ว่าอยากมีอะไรเป็นของตัวเอง ครั้งหนึ่งเคยคิดว่า ทำอะไรก็ได้ ขายอะไรก็ได้ ขายหมูปิ้งก็ได้ ขอแต่ให้ทำหมูปิ้งเป็นของตัวเอง...ขนาดนั้น ตอนนี้สมใจแล้ว ไม่ใช่แค่ร้านหมูปิ้ง แต่บอนด์เตรียมจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแนวฟิวชั่นเร็วๆ นี้

คติประจำใจ

เป็นคำของพ่อที่ยังจำได้ถึงทุกวันนี้ ถ้าจะเรียนหนังสือ ก็ตั้งใจเรียนให้เก่งไปเลย หรือถ้าจะทำงาน ก็ตั้งใจทำงานให้เก่งไปเลย ทุกวันนี้ดีใจว่า เราตัดสินใจเลือกทำงาน และทำอย่างเต็มที่

งานอดิเรก

เจ้าของฉายา foodguru อินสตาแกรมที่มีคนติดตามหลายหมื่นคน อัพเดทร้านอาหารและแหล่งของกินอร่อยที่อร่อยจริง และคนตามกินจริงๆ สุดยอด!!!