posttoday

คทรีน่า กลอส บทบาทใหม่ในโลกภาพยนตร์

10 กรกฎาคม 2557

บทบาทใหม่ที่ว่า ไม่ใช่นางเอกหน้าจอ แล้วก็ไม่ใช่การกลับมาของวงดนตรีวีนัส บัตเตอร์ฟลาย

โดย...โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน 

บทบาทใหม่ที่ว่า ไม่ใช่นางเอกหน้าจอ แล้วก็ไม่ใช่การกลับมาของวงดนตรีวีนัส บัตเตอร์ฟลาย ที่เธอร่วมปลุกปั้นกับแก๊งเพื่อนๆ งานพิธีกร หรือดีเจ ก็ไม่ใช่ งานถ่ายแบบ เดินแบบ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่

บทบาทใหม่ “เคที่คทรีน่า กลอส” คือการนั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ฟอร์มเล็ก “เพชฌฆาต”

ผลงานเรื่องนี้นำความภาคภูมิใจมาสู่เคที่ในฐานะโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่องแรก มากกว่านั้น ผู้กำกับ “ทอม วอลเลอร์” ทีมนักแสดง รวมทั้งทีมงานเบื้องหลัง ก็ปลื้มปริ่มไม่น้อย เมื่อภาพยนตร์ได้รับเสียงขานรับอย่างดีบนเวทีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ที่ได้ไปฉายโชว์

ล่าสุด เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากการแสดงของ “วิทยา ปานศรีงาม” ที่ถ่ายทอดชีวิตมือประหารคนสุดท้ายประเทศไทย “เชาวเรศน์ จารุบุณย์” สมฝีมือนักแสดงตัวพ่อ

“กระแสที่เมืองคานส์สำหรับตัวเคที่เองถือว่าดีมากค่ะ การที่คนดูเกือบเต็มโรง และมีคนเดินออกจากโรงแค่ 2 คน ซึ่งก็เป็นคนที่เคที่รู้จัก เคที่สามารถเดินไปถามเขาได้ว่าเพราะอะไร เขาสะเทือนใจ เขาไม่ชอบกราฟฟิก มันเยอะไป เขาทนนั่งดูไม่ไหว ส่วนคนที่นั่งดูจนจบ ก็บอกว่าไม่คิดว่าหนังชีวประวัติจะสนุกตื่นเต้นได้ขนาดนี้ โห!!! ได้ยินแบบนี้ เคที่ดีใจมากๆ แล้วนะ เพราะความเห็นมันมี 2 มุม ไม่ขาวก็ดำ ไม่มีสีเทา เช่นเดียวกันค่ะ เคที่ก็ลุ้นเหมือนกันว่าคนดูทั่วไป หนังมันจะเป็นสีอะไร ขาวหรือดำ

ทำหนังเรื่องนี้ แน่นอน เคที่คาดหวัง แต่ความคาดหวังนั้นเคที่ก็ต้องลิมิต เคที่ว่าการที่หนังติดปีกไปเทศกาลต่างๆ แล้วได้รางวัล มันเป็นแจ็กพอต แต่ถ้ามีคนบอกว่าชอบหนังจัง มันคือความสำเร็จนะ ส่วนรายได้คาดหวังยาก มันอยู่ที่จังหวะ เวลา และรสนิยมคนดูจริงๆ เคที่ตอบไม่ได้หรอกว่าหนังเรื่องนี้จะถูกใจคนดูแค่ไหน เป็นไปได้ และก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น เคที่ว่าถ้ามันใช่มันก็ใช่ คงต้องอยู่นิ่งๆ รอดูว่าหนังจะสร้างตัวมันได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้สิ่งที่เคที่ขอคือให้เจ็บตัวน้อยที่สุดจากหนังเรื่องนี้ ถ้าได้ทุนคืนเคที่จะแฮปปี้มาก ถ้าได้กำไรเคที่ถือว่าเป็นโบนัสสำหรับการเที่ยวของเคที่เลยนะคะ”

จากคนเบื้องหน้าสู่คนเบื้องหลัง ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคที่กระโดดมารับงานเบื้องหลัง ก่อนนั้นเธอเคยร่วมงานและสร้างสรรค์รายการเรียลิตี้โชว์เฟ้นหาตลกรุ่นใหม่ “เดอะคอมเมเดียน ไทยแลนด์” ได้ฝึกปรือและลับวิชาจนเก่งกล้า พอโอกาสวิ่งเข้าหา เป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ เธอไม่รอช้า วิ่งเข้าใส่ ลุยเต็มที่ กับความท้าทายที่รออยู่

“โปรดิวซ์หนังเรื่องนี้ มันเริ่มจากทอมกับเคที่เจอกันในวันเกิดเพื่อน ทอมก็มาคุยว่าอยากให้เคที่ช่วยแปลบทหนังให้หน่อย คุยกันยังไงไม่รู้ ตอนนั้นเคที่ก็ยังงงๆ อยู่ว่าหนังไทยทำไมบทเป็นภาษาอังกฤษ แต่เคที่ก็รับงานนี้ ช่วยแปลบทให้ อารมณ์คุยกันไปมา ทอมก็ให้เคที่มาทำโปรดิวซ์ เหมือนตกกระไดพลอยโจนมากกว่าค่ะ (หัวเราะร่วน) ซึ่งเคที่ก็ยินดีนะ ไม่ได้ถูกบังคับอะไร ก็ช่วย เพราะเคที่ก็เคยโปรดิวซ์รายการเรียลิตี้โชว์มาก่อน จำได้ว่า เคที่เคยบอกทอมว่าถ้ามีโอกาสทำ ทำเลย อย่ารอ เพราะถ้ารอ คุณอาจไม่ได้ทำ

ชีวิตเคที่ตั้งแต่งานแรกที่ทำในวงการ มันเป็นโอกาสค่ะ มันมีบางอย่างเดินเข้ามาหาเคที่ มายืนอยู่ตรงหน้า แล้วถามว่า ทำมั้ย เพราะตัวเคที่ไม่ได้เดินเข้าไปหาโอกาสเหล่านั้นเลย ถือว่าตัวเองเป็นคนโชคดีมากนะคะ จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้เป็นนักแสดง ได้เป็นดีเจ ได้เป็นนักดนตรี ไม่เคยแพลนชีวิตเลยค่ะ ฉะนั้นเวลาที่โอกาสเดินเข้ามาหาเคที่ เคที่จะคว้าเลย ไม่เคยปล่อย ทำอย่างเต็มที่ ทำสุดหัวใจ อย่างการมาโปรดิวซ์หนัง เคที่ก็ไม่คิดว่าได้รู้จักคนคนหนึ่ง แล้วจะได้มาร่วมงานกัน ได้ทำงานที่เคที่ไม่เคยทำ”

ด้วยเป็นมือใหม่ การเป็นโปรดิวเซอร์จึงไม่ง่าย มีปัญหาให้เคที่ต้องแก้กันตลอด โชคดีอยู่อย่าง ประสบการณ์ครั้งที่เธอเคยทำรายการเรียลิตี้โชว์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ แม้ไม่ใช่ทุกอย่าง ทว่าก็ทำให้โปรดิวเซอร์สาวสวยผ่านฉลุยกับการทำหน้าที่สำคัญนี้

“ภาพยนตร์กับเรียลิตี้โชว์ ต่างกันค่ะ เคที่ว่าภาพยนตร์มีเวลาแก้ปัญหาเยอะกว่าทำรายการเรียลิตี้โชว์ ความท้าทายก็มีเหมือนกัน แต่คนละแบบ เรียลิตี้โชว์ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แก้ด้วยเวลาที่ถูกกำหนดไว้อย่างเร่งรีบ มีเรื่องให้แก้ตลอด ขณะที่ภาพยนตร์ต้องเลือกแก้เฉพาะที่จำเป็น มีเวลาแก้เยอะกว่าก็จริง แต่ไม่เยอะมากหรอกค่ะ เพราะยังไงก็ยังต้องมีเวลาเป็นตัวกำหนด เพียงแต่ไม่ต้องเดี๋ยวนั้น มันเลยทำให้เคที่มองอะไรได้กว้างขึ้น เรียลิตี้โชว์สอนให้เคที่รู้จักวางปัญหาที่ไม่จำเป็นต้องแก้ไว้ก่อน ส่งผลต่อเนื่องมาถึงการทำภาพยนตร์ ซึ่งมันก็ทำให้เคที่รู้สึกผ่อนคลายลง ใจเย็นกับบางเรื่องมากขึ้น”

ดูเหมือนเธอจะสนุกกับการอยู่เบื้องหลัง เป็นโปรดิวเซอร์ก็แล้ว อยากกำกับบ้างมั้ย หรือจะหวนมาอยู่หน้าจอ เธอตอบทันควัน อยากลองทำ การกำกับ คงไม่รีบร้อน อยากหาประสบการณ์ให้มากกว่านี้ ส่วนงานแสดง หรืองานเบื้องหน้าอื่นๆ ไม่เคยปิดกั้น ติดต่อเข้ามา ก็พร้อมจะลุย

“เคที่จะเป็นคนที่สนุกกับงานทุกอย่าง ยังไม่มีงานชิ้นไหนที่ทำแล้วไม่สนุกเลย อาจจะมีบางชิ้นที่แค่ไม่อยากทำ เพราะรู้สึกว่ามันซ้ำๆ มันเดิมๆ แต่เคที่ก็โทษตัวเองนะ ต้องทำให้มันซู่ซ่าสิ ตอนนี้งานโปรดิวซ์คือปัจจุบันเคที่ก็จะเต็มที่กับมัน สนุกและมีความสุขกับมัน

งานกำกับ ถ้าเคที่เป็นผู้กำกับ 2 ก็น่าสนอยู่นะ คนเดียวคนไม่ไหว แต่ไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกค่ะ เพราะอยากหาประสบการณ์ให้เยอะกว่านี้ ส่วนงานแสดงก็ยังรับนะคะ ไม่ได้เลิกไปเลย ก็มีผู้จัด ผู้กำกับ ที่คุ้นเคยกัน ก็ถามๆ เคที่เหมือนกัน แต่เคที่มีจ๊อบนี้แล้ว คงต้องรอจังหวะว่างจริงๆ ก่อนค่ะ วงดนตรีก็ยังหน้าด้านทำกันต่อค่ะ (หัวเราะลั่น) อย่างน้อยเคที่กับโหน่ง (พิมพ์ลักษณ์ กมลเพชร) ก็คุยกันว่ายังอยากจะทำวงต่อ เพราะเคที่คิดว่าตัวเองยังทำไม่เสร็จ แต่ตอนนี้ขอเบรกไว้ก่อน เคที่ไม่มองว่าอายุมีผลต่อการทำงาน แก่กว่านี้ก็จะทำ ถ้ายังมีแรงมีไฟ ไม่หยุดแน่นอนค่ะ"