posttoday

ปิยพันธ์ ขำกฤษ กล้าที่จะฝัน เรียนรู้ที่จะทำ

12 ตุลาคม 2557

พระเอกหน้ามนแห่งวิกหมอชิต “บูมปิยพันธ์ ขำกฤษ” มุ่งมั่นเอาดีทั้งการเรียนและงานแสดง

โดย...โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช

พระเอกหน้ามนแห่งวิกหมอชิต “บูมปิยพันธ์ ขำกฤษ” มุ่งมั่นเอาดีทั้งการเรียนและงานแสดง ผลงานที่กำลังออนแอร์ตอนนี้คือละครชุดอารมณ์ดี “คฤหาสน์บ้านทุ่ง” ส่วนอีก 3 เรื่อง “บุษบาท่าเรือ” “อตีตา” “แม่ดอกรักเร่” อยู่ระหว่างการถ่ายทำ ได้คิวออนแอร์เมื่อไหร่ แฟนๆ ได้ชมฝีมือของเขาแน่นอน

“คฤหาสน์บ้านทุ่งนี่ผมเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรกครับ เซ็นสัญญา 5 ปีกับช่อง 7 เพิ่งผ่านไปปีเดียวเองครับ แต่กว่าจะได้เซ็นเหนื่อยครับ ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ผมมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ไขและต้องเรียนเพิ่ม เช่น พูดไม่ชัด แอ็กติ้งไม่ได้ บุคลิกไม่ดี ตัวผอม ทุกอย่างต้องไปเรียนไปฟิต เพื่อให้ตัวเองพร้อม ในเมื่อไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นพระเอกที่เพอร์เฟกต์ก็ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นครับ”

ขอพักเรื่องงานและชีวิตนักแสดงไว้แป๊บ ไปฟังบูมเล่าเรื่องชีวิตนักศึกษาดีกว่า ปัจจุบันบูมเรียนชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา มหาวิทยาลัยศรีปทุม ตารางเรียนปีสุดท้ายไม่หนัก เหลือวิชาเรียนไม่กี่ตัว นอกนั้นก็เป็นวิชาฝึกงาน ซึ่งบูมต้องตามเก็บหน่วยกิตให้ครบ

“เชื่อมั้ยครับว่าเมื่อก่อนผมไม่มีความเป็นนิเทศศาสตร์เลยนะ จนพอมาเรียนถึงรู้ว่าตัวเองน่ะเริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น กล้าในที่นี้ของผมคือกล้าทำในสิ่งดีๆ นะครับ เมื่อก่อนไม่มีความกล้าเลย เพราะมัวแต่อาย กลัวว่าทำแล้วจะโดนคนอื่นมอง พอมาเรียนนิเทศศาสตร์ความคิดผมก็เปลี่ยนไป เหมือนทัศนคติถูกปรับให้คิดแบบใหม่ ยิ่งได้มาเรียนวิชาการแสดงด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ผมละลายพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองได้เยอะทีเดียว”

เป็นทั้งนักแสดงและนักศึกษา หากไม่เป๊ะเรื่องตารางเรียน ก็อาจขาดๆ เกินๆ เช่นเดียวกับบูมที่ช่วงแรกๆ เจอปัญหาไม่มีเวลาไปเรียน หรือไปก็ไม่เต็มที่ เพราะห่วงพะวงกับงานบันเทิงที่รับไว้ ทว่าพอทุกอย่างเข้าที่ มีการจัดตารางชีวิตใหม่ การเรียนและการทำงานก็ไปได้โลด

“เหนื่อยกว่าเพื่อนครับ สองเท่าเลยละครับ เพราะถ้าตอนเรียน เพื่อนเรียน ผมมาทำงาน ผมก็ต้องตามเพื่อนให้ทัน อย่างใกล้สอบผมก็แจ้งผู้จัดการส่วนตัวว่าผมงดรับงานนะ เพราะอยากอ่านหนังสือ อยากติวโค้งสุดท้าย ซึ่งพี่ๆ เขาก็น่ารักและเข้าใจว่าเรื่องเรียนสำคัญ

ชีวิตนักศึกษาผมว่าเป็นอะไรที่น่าอิจฉานะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้เรียนรู้ ตักตวงประสบการณ์ ได้ค้นหาตัวเอง ได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ ได้รู้จักสังคม ถ้าพ้นจากตรงจุดนี้ไปแล้วมันก็ไม่มีละนะ ฉะนั้นใครที่มีโอกาสเรียนต้องเรียนให้เต็มที่ เพราะหลังจากที่คุณจบมันจะเป็นชีวิตของการทำงาน ชีวิตที่ต้องแข่งขัน ต้องพิสูจน์ฝีมือ เป็นชีวิตในโลกความจริง”

การมีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง บูมยอมรับว่าเอื้ออย่างมากต่อการเรียนนิเทศศาสตร์ ทำให้เขาขยับเข้าใกล้สายงานที่ร่ำเรียนมา แม้ว่าอาจไม่ได้ตรงกับวิชาเอกร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ประสบการณ์ในภาคสนาม ไม่ว่าจะงานเบื้องหน้า หรืองานเบื้องหลัง ก็กลายเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากห้องเรียน

“มันมีทั้งดีและเสียนะครับ ผมมีโอกาสมาทำงานก่อนเพื่อน ผมก็จะได้ประสบการณ์การทำงาน ผมยอมรับว่าผมอาจจะไม่แน่นเรื่องพื้นฐานหรือทฤษฎี ถ้าเทียบกับเพื่อนที่มีเวลาไปเรียนทุกวัน ตรงกันข้าม เพื่อนที่เข้าเรียนทุกครั้งก็จะแน่นทฤษฎีมาก แต่เขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยลองทำจริงๆ ซึ่งสุดท้ายทั้งผมและเพื่อนก็ยังต้องเติมเต็มสิ่งที่ตัวเองขาด ผมก็ต้องกลับไปเรียนรู้ทฤษฎีต่อ ส่วนเพื่อนก็ต้องหาประสบการณ์ทำงาน

ตอนที่ผมอยู่มหาวิทยาลัยผมรู้สึกว่าผมไม่ใช่ดารานะ ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมว่าการปฏิบัติตัว การวางตัวเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ต่อให้คุณจะเป็นดารา หรือคนธรรมดา สิ่งสำคัญคือต้องเคารพกฎกติกามารยาทของมหาวิทยาลัย ประพฤติตัวดี ทำสิ่งดีๆ ที่สร้างสรรค์ ตั้งใจเรียน แค่นี้แหละครับสำหรับการเป็นนักศึกษาที่ดี”