อานิสงส์พังป้ายหาเสียง

ดันภาพรวมป้ายโตเบิ้ลอีก10%ชี้โค้งสุดท้ายเลือกตั้งทำลายหนัก

ป้ายโฆษณาสิ่งพิมพ์เลือกตั้ง ยอดพุ่ง 4,000 ล้านบาท เหตุแข่งเดือด มีการทำลายป้ายเยอะ ต้องพิมพ์เพิ่มอีก 10%

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประธานกิตติมศักดิ์อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ กล่าวว่า เดิมคาดว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จะทำให้อุตสาหกรรมป้ายโฆษณาและสิ่งพิมพ์ขยายตัว 20% นั้น

ขณะนี้คาดว่าการใช้ป้ายโฆษณาและสื่อสิ่งพิมพ์เลือกตั้งในปีนี้ น่าจะเพิ่มขึ้น 25-30% เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น มาจากกรณีการทำลายป้ายพรรคการเมืองคู่แข่ง ซึ่งเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด พื้นที่ลับตาคน ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีการสั่งพิมพ์ป้ายโฆษณาเพิ่มขึ้นอีก 510% เพื่อทดแทนป้ายเดิม และเชื่อว่าในโค้งสุดท้ายจะมีกรณีการทำลายป้ายโฆษณาเพิ่มมากขึ้น

“มองในแง่ดี การทำลายป้ายส่งผลให้อุตสาหกรรมป้ายโฆษณาและสิ่งพิมพ์ได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้น เพราะมีการสั่งพิมพ์เพิ่ม แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ค่อยสะอาด ใช้วิธีทำลายคู่แข่งอย่างดุเดือด เป็นเรื่องที่ กกต.และตำรวจต้องเข้าไปดูแล” นายเกรียงไกร กล่าว

ทั้งนี้ สื่อสิ่งพิมพ์ถือว่าได้อานิสงส์มากที่สุดจากการเลือกตั้งครั้งนี้ จากการแข่งขันที่คึกคักมากกว่าครั้งที่แล้ว และแต่ละพรรคเน้นแข่งที่นโยบายของพรรคเป็นหลัก จึงต้องใช้สื่อสิ่งพิมพ์ในการสื่อสารนโยบายกับประชาชน ขณะที่สื่อโทรทัศน์ถูกจำกัด ไม่สามารถใช้หาเสียงได้เต็มที่ ส่วนโซเชียลมีเดียเข้ามามีผลบ้าง แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ทั่วถึงทุกกลุ่มประชาชน

นายยุวพล พรประทานเวช นายกสมาคมป้ายโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมป้ายโฆษณาในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้มีความคึกคักมากจากพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาแข่งขัน คาดว่าจะมีเงินสะพัดในธุรกิจป้ายโฆษณา 800-1,000 ล้านบาท โดย สส.ที่สมัครเลือกตั้งในครั้งนี้จะใช้แผ่นป้ายหาเสียงคนละ 100-600 แผ่น

สำหรับภาพโดยรวมปีนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมป้ายโฆษณาจะกลับมาขยายตัว 4% จากปีก่อน หรือมีมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท ถือว่ากลับมาโตครั้งแรกในรอบ 4 ปี

ล่าสุด พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ 10 เปิดเผยว่า ยอดการทำลายป้ายสูงถึง 1,158 ป้ายแล้ว โดยพื้นที่ที่ถูกทำลายมากที่สุดยังเป็นพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 312 ป้ายและขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังคงมีเท่าเดิมคือ 104 ป้าย