posttoday

อย่ากักตุน ออกซิเจนไม่ขาดแคลน ผลิตวันละ 2.2 พันตันต่อวัน

15 กันยายน 2564

ส.อ.ท. ชี้แจงออกซิเจนมีเพียงพอ แม้ยอดใช้เพิ่มขึ้นช่วงโควิด 15 โรงงานพร้อมผลิตสูงสุด 2,200 ตันต่อวัน เตือนซื้อกักตุนระวังการจัดเก็บต้องปลอดภัย

นายพงศ์เทพ นรขำ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมก๊าซ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้งานออกซิเจนทางการแพทย์ในโรงพยาบาลและครัวเรือนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้หลายภาคส่วนเกิดข้อกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การขาดแคลนออกซิเจนทางการแพทย์ภายในประเทศ จึงมีการกักตุนโดยซื้อถังออกซิเจนและอุปกรณ์เครื่องผลิตออกซิเจนเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

ทั้งนี้ภาพรวมกำลังการผลิตก๊าซออกซิเจนทั้งประเทศอยู่ที่ 1,860 ตันต่อวัน จาก 15 โรงงานในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สระบุรี ชลบุรี ระยอง สงขลา ลำพูน และเชียงใหม่ ยังมีโรงงานบรรจุท่อก๊าซออกซิเจนทางการแพทย์ทั่วประเทศประมาณ 130 โรงงาน ซึ่งหากเกิดกรณีฉุกเฉินยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตออกซิเจนได้ถึง 2,200 ตันต่อวัน

ขณะที่ปริมาณการใช้ก๊าซออกซิเจนทั้งทางการแพทย์และอุตสาหกรรม ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,260 ตันต่อวัน แบ่งเป็นปริมาณความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ประมาณ   400-600 ตันต่อวัน และความต้องการก๊าซออกซิเจนในภาคอุตสาหกรรมประมาณ 660 ตันต่อวัน และมีท่อออกซิเจนทางการแพทย์หมุนเวียนอยู่ในระบบ 80,000-100,000 ท่อ

อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่จัดหาและเก็บท่อก๊าซออกซิเจนไว้ใช้ที่บ้าน ขอให้จัดเก็บอย่างระมัดระวัง เนื่องจากท่อก๊าซออกซิเจนเป็นท่อที่มีความดันสูง หากจัดเก็บหรือใช้งานอย่างผิดวิธีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หากไม่มีความจำเป็นไม่แนะนำให้กักตุนไว้ในที่พักอาศัย

สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้งานนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำแนะนำวิธีการใช้งานเบื้องต้น คือ ควรเคลื่อนย้ายท่อก๊าซออกซิเจนด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบกระเทือน กระแทก หรือโยนท่อ ห้ามใช้สารหล่อลื่น น้ำมัน หรือสารติดไฟกับอุปกรณ์ที่ใช้งานกับออกซิเจนเด็ดขาด การติดตั้งชุดอุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับท่อบรรจุก๊าซออกซิเจน ต้องขันยึดให้แน่น จัดเก็บในสถานที่แห้ง มีการถ่ายเทของอากาศได้ดีและมีอุณหภูมิสูงสุดไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส โดยห้ามเก็บท่อบรรจุก๊าซออกซิเจนร่วมกับวัสดุหรือก๊าซอื่นๆ ที่ติดไฟได้ง่าย