posttoday

นำร่อง ‘ราชบุรี โมเดล’ ปั้นเกษตรอัจฉริยะ หนุนเทรนด์โปรตีนจากพืชมาแรง

06 กันยายน 2564

หอการค้าฯ หนุนเกษตร-อาหาร ขับเคลื่อนศก.เดินหน้าสร้าง Smart Farmer ดัน ราชบุรี โมเดล พัฒนา 6 สินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่า ชี้อาหารเชิงสุขภาพตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

นายสนั่น  อังอุบลกุล  ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมกับคณะกรรมการสายงานเกษตรและอาหาร เพื่อติดตามความคืบหน้าและฟังเสียงสะท้อนแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า คณะกรรมการฯมีนโยบายชัดเจนที่จะนำหลักการ BCG Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ) และนำองค์ความรู้เทคโนโลยีภาคเกษตรจากต่างประเทศ มาสร้างโอกาสให้เกษตรแลอาหารในอนาคต

ขณะเดียวกันเชื่อมโยงความร่วมมือไปยังภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer และผลักดันให้ภาคเกษตรและอาหารของไทยสู่เกษตรอาหารมูลค่าสูง ตามนโยบาย Connect the dots ของหอการค้าไทย โดยเชื่อว่าจะสามารถประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และถือเป็นการสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้กับประเทศไทยในอนาคต

นายชูศักดิ์  ชื่นประโยชน์ ประธานคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตร กล่าวว่า ภาคเกษตรเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยมีประชากรที่อยู่ในภาคเกษตรจำนวนมากถึง 27 ล้านคน และมีพื้นที่การเกษตร 149 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าวถึง 71 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 47.6 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด รองลงมาคือพื้นที่ปลูก ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน และพืชอื่น ๆ

ดังนั้นแนวทางหนึ่งที่สำคัญและเร่งด่วนในการเพิ่มผลิตภาพและมูลค่าต่อหน่วยพื้นที่ทางการเกษตร คือ การปรับเปลี่ยนไปสู่การปลูกพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง โดยคณะกรรมการฯ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การเกษตรที่มีมูลค่าสูง โดยมุ่งเน้นให้มีการปรับปรุงวิธีการปลูก การแปรรูป การตลาด และมาตรฐาน

ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ผ่านรูปแบบ Model Success Case ภายใต้แนวคิด “เกษตรไทย เกษตรเท่ สู่การสร้างเกษตรมูลค่าสูง” ซึ่งมีตัวอย่างหลายโมเดล เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กาแฟ โกโก้ เมล่อนญี่ปุ่น ประมงน้ำจืดระบบ Biofloc เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมทำงานกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนแนวคิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการทำเกษตรมูลค่าต่ำและไม่เหมาะสมกับพื้นที่ ไปสู่การปลูกพืช เลี้ยงปศุสัตว์ และประมงที่มีมูลค่าสูง ตรงกับความต้องการของตลาดและเหมาะสมกับพื้นที่ โดยกำหนดเป้าหมายปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 10 ในกรอบระยะเวลาตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ควบคู่ไปกับการยกระดับไปสู่เกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่าสูง เป็นการทำเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) และเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) ซึ่งจะทำให้ประเทศมีรายได้จากพื้นที่ร้อยละ 10 สูงกว่าพื้นที่ที่เหลืออีกร้อยละ 90

ทั้งนี้วางแนวทาง 2 ลักษณะ คือ 1.การขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (Area Base) ระยะแรกได้เลือกจังหวัดราชบุรีเป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบการทำเกษตรมูลค่าสูง หรือ “ราชบุรีโมเดล” เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการเกษตร โดยเลือกสินค้าเกษตร 6 ชนิด ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม อ้อยโรงงาน โคนม สุกร กุ้งก้ามกราม และเกษตรปลอดภัย-เกษตรอินทรีย์ (พืชผัก) เป็นสินค้าเป้าหมายในการพัฒนา

2. การขับเคลื่อนรายสินค้า (Product Base) เป็นการส่งเสริมพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีอนาคตเป็นที่ต้องการของตลาด ในระยะแรกได้เลือกสินค้าเกษตร 6 ชนิด ได้แก่ กาแฟ (น่าน), จิ้งหรีด (สุโขทัย), ประมงน้ำจืดระบบ Biofloc (สกลนคร), โคเนื้อ (สุรินทร์/ศรีสะเกษ), พืชผักปลอดภัย-พืชผักอินทรีย์ (นครปฐม/อำนาจเจริญ) และผลไม้ (จันทบุรี/ นครศรีธรรมราช/ ชุมพร)

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวว่า ประเทศไทยในช่วงโควิด-19 นอกจากต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันผลิตสินค้าที่ทำตลาดได้ดีอยู่แล้ว จำเป็นต้องมองหาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ดังนั้น อาหารแห่งอนาคต (Future Food) และพืชแห่งอนาคต (Future Crop) คือคำตอบที่ไขประตูแห่งอนาคตสำหรับประเทศไทย

สำหรับอาหารแห่งอนาคตที่กำลังเป็นกระแสการบริโภคขณะนี้ คืออาหารที่ใช้โปรตีนจากพืช ผลิตเป็นอาหารเชิงสุขภาพ หากพิจารณาประมาณการมูลค่าทางเศรษฐกิจของอาหารกลุ่ม Future Food ระหว่างปี 2565–2569 คาดว่า จะมีมูลค่ากว่า 111,100 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. Future Food consumer Packaged Good มีมูลค่ารวมกว่า 61,100 ล้านบาท ได้แก่ กลุ่มสินค้า Whole Food, อาหาร Function, อาหารโปรตีนจากพืช, ผงโปรตีนจากแมลง และ2. Premium Pet Food  มีมูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท ได้แก่ อาหารสัตว์เสริมโภชนาการ

ดร.สมบัติ  ธีระตระกูลชัย ประธานคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป กล่าวว่า  โคเนื้อซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญและมีโอกาสเติบโตได้มากในอนาคต ระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 5 ปี ได้เริ่มโครงการส่งเสริมเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ ผ่านโครงการเพื่อส่งเสริมเกษตรผู้เลี้ยงโคเนื้อแบบประณีต ซึ่งสามารถช่วยให้เกษตรกรยกระดับรายได้ของตนเอง และมีเกษตรตัวอย่างที่สามารถทำรายได้ 1 ไร่ 1 ล้านแล้ว

ดร.ชนินทร์  ชลิศราพงศ์ ประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กล่าวว่า ธุรกิจประมงของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปี ถึงแม้สถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงทั้งในประเทศและต่างประเทศ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจนต้องหยุดชะงักและปิดตัวลง แต่จะเห็นได้ว่าในภาคธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องยังคงสามารถผลิต พร้อมส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่อไปได้