posttoday

ตั้งนิคมฯเอเพ็กซ์ รับลงทุนอีอีซี คาดเงินสะพัด 6.4 หมื่นล้านบ.

29 มิถุนายน 2564

บอร์ดกนอ.อนุมัติตั้งนิคมฯแห่งใหม่ในอีอีซี ดึง ‘เอเพ็กซ์ ปาร์ค’ บริหารพื้นที่ ต้อนรับนักลงทุน S-Curve และ New S-Curve คาดเกิดเม็ดเงินลงทุนในประเทศกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท จ้างงานเพิ่ม1.6 หมื่นคน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ.(บอร์ด กนอ.) อนุมัติให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง โดยร่วมดำเนินงานกับบริษัท เอเพ็กซ์ ปาร์ค จำกัด ในรูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่อีอีซีที่มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกโดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับของ กนอ. 

สำหรับโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อิสดัสเตรียล เอสเตท ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลหัวสำโรง และตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ประมาณ 2,191 ไร่ โดยที่ตั้งของโครงการฯ อยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 80 กิโลเมตร(กม.) ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ประมาณ 100 กม. สนามบินอู่ตะเภา ประมาณ 120 กม. และห่างจากท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 130 กม.

ตั้งนิคมฯเอเพ็กซ์ รับลงทุนอีอีซี คาดเงินสะพัด  6.4 หมื่นล้านบ.

นอกจากนี้ยังห่างจากนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ ประมาณ 10 กม.และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ประมาณ 50 กม. สภาพพื้นที่โครงการเป็นพื้นที่ดอนที่ไม่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมถึง ในส่วนของตัวโครงการแบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทั่วไปประมาณ 1,600 ไร่ พื้นที่สาธารณูปโภค พื้นที่สีเขียวและแนวกันชนประมาณ 591 ไร่ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี

ทั้งนี้หลังจากเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 64,000 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นประมาณ 16,000 คน ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเกษตรกรรมและผลผลิตจากการเกษตรที่มีความต้องการใช้น้ำต่ำ กลุ่มอุตสาหกรรมเบา กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค กลุ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการในพื้นที่อีอีซี  

“โครงการฯ ดังกล่าวสนองตอบต่อนโยบายการพัฒนาพื้นที่อีอีซีของรัฐบาล ที่ได้วางโครงสร้างพื้นฐานในระบบสาธารณูปโภค อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3  โดยชักจูงการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve นอกจากศักยภาพของโครงการฯทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านคมนาคมขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆแล้ว บริษัทฯ ยังมีความพร้อม มีฐานลูกค้า และมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจ ที่คาดว่าจะทำให้โครงการฯประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี”นายวีริศ กล่าว