posttoday

รัฐ-เอกชนเร่งสกัดคลัสเตอร์โรงงาน พบติดโควิด 149 แห่ง 7.7 พันคน

11 มิถุนายน 2564

อุตสาหกรรม-แรงงาน ออกมาตรการเข้มป้องกัน-ควบคุมการแพร่ระบาดโควิดในภาคอุตสาหกรรม สั่งทุกโรงงานประเมินตนเอง สุ่มตรวจ เร่งฉีดวัคซีน ยึดหลัก “Online - Onsite - Upgrade - Vaccine”

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น  รมว.แรงงาน  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผ่านออนไลน์ในระบบ Zoom ถึงมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด -19) ว่า การขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการโรงงานจะทำด้วยหลักการ “Online - Onsite - Upgrade -Vaccine” ประกอบไปด้วย

1. Online - ให้โรงงานประเมินตนเอง พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือโรงงานทั่วประเทศ ประเมินตนเองผ่าน Platform online : Thai Stop Covid plus และ Thai Save Thai ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิถุนายน  โดยกลุ่มเป้าหมายแรกเป็นโรงงานที่มีคนงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 3,304 ราย ให้แล้วเสร็จภายใน 15 มิถุนายน ซึ่งล่าสุดพบว่ากลุ่มเป้าหมายมีการประเมินตนเองผ่าน Platform เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1,722 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 52

2. Onsite – จัดทีมแนะนำและติดตามการประเมินตนเอง โดยให้สำนักอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ร่วมกันจัดทีมสุ่มตรวจประเมินโรงงานในพื้นที่ (On-site) ให้ได้ร้อยละ 10-20 ของสถานประกอบการเป้าหมาย อาทิ สถานประกอบการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญในพื้นที่ สถานประกอบการที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 สถานประกอบการที่ได้คะแนนการประเมินตนเองในแฟลตฟอร์ม Thai Stop Covid Plus ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด กำกับและติดตาม ผลการประเมินตนเองของโรงงานในพื้นที่และรายงานข้อมูลตามแผนการตรวจประเมินเสนอผลการรายงานมายังกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นรายสัปดาห์ โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิถุนายน

รัฐ-เอกชนเร่งสกัดคลัสเตอร์โรงงาน พบติดโควิด 149 แห่ง 7.7 พันคน

3.Upgrade – จัดมาตรการลดความเสี่ยง เพิ่มศักยภาพ ด้วยการจัดทำมาตรการฟื้นฟูสถานประกอบการจากโควิด-19 หลังจากโรงงานประเมินตนเองผ่านแฟลตฟอร์ม Thai Stop Covid Plus และการลงพื้นที่ On-site ประเมินโรงงานเป้าหมายจะมีมาตรการเพื่อช่วย Upgrade สถานประกอบการให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งมีมาตรการเสริมแกร่งเพื่อช่วยให้โรงงานสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผลักดันการดำเนินงานต่อไป

4. Vaccine-เร่งรัดฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในโรงงาน เร่งผลักดันการเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่ นิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม และโรงงานขนาดใหญ่ที่มีคนงานมากกว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นแรงงานกลุ่มเสี่ยงภาคอุตสาหกรรม รวมถึงประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะนี้มีความพร้อมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนฯ ให้กับแรงงานภาคอุตสาหกรรมแล้ว รวมจำนวน 27 แห่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบแล้ว 6 แห่ง (นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้(ชลบุรี)นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สวนอุตสาหกรรมบางกะดี และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ) และอยู่ระหว่างขอความเห็นชอบ 21 แห่ง

ทั้งนี้ จะขอความอนุเคราะห์จาก ศบค. พิจารณาให้ความสำคัญต่อการจัดสรรวัคซีนให้กับศูนย์ฉีดวัคซีนฯ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่จะร่วมสุ่มตรวจ Onsite ในโรงงานกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่แรงงาน ให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร

รัฐ-เอกชนเร่งสกัดคลัสเตอร์โรงงาน พบติดโควิด 149 แห่ง 7.7 พันคน

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ในสถานประกอบการกิจการโรงงาน มีจำนวนโรงงานที่พบการแพร่ระบาด 149 แห่ง มีผู้ติดเชื้อ 7,777 คน ในพื้นที่ 21 จังหวัดทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิ.ย.2564)

“การหารือกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเนื่องจากคนที่เกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมนั้นมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหอการค้าฯ พร้อมสนับสนุนภาครัฐอย่างเต็มที่ ยินดีเป็นจุดเชื่อมโยง ประสานความร่วมมือไปยังเครือข่ายต่างๆ ทั้ง หอการค้าจังหวัด และ สมาคมการค้า ให้เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนตามแนวทางที่ได้มีการหารือกันไว้”