posttoday

ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป โตไม่หยุดลงทุนธุรกิจไบโอเทค ‘ViAqua’ สตาร์ทอัพอิสราเอล ต่อยอดกิจการด้านสัตว์น้ำ

11 มิถุนายน 2564

ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป  ลงทุนผ่านเวนเจอร์ ฟันด์ ใน ‘วิอาควา เธอราปิดิกส์’   สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ สัญชาติอิสราเอล หวังต่อยอดกิจการป้องกันดูแลสัตว์น้ำครบวงจร ระดับโลก

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ  เข้าลงทุนในบริษัท วิอาควา เธอราปิดิกส์ (ViAqua Therapeutics) สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอิสราเอล ด้วยงบลงทุน venture fund ของบริษัท ซึ่งไทยยูเนี่ยนนับเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่เข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้

โดยบริษัท วิอาควา เธอราปิดิกส์ ตั้งอยู่ที่เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล นับเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่พัฒนาการจัดการโรคในสัตว์น้ำด้วยเทคโนโลยีระดับอาร์เอ็นเอ โดยสินค้าตัวแรกของวิอาควาคือ อาหารเสริมตัวช่วยในการจัดการโรคในฟาร์มกุ้ง มีคุณสมบัติช่วยป้องกันและฆ่าเชื้อโรค ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่พบทั่วไปในการเลี้ยงกุ้ง

“ในภาคอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การป้องกันโรคนับความท้าทายลำดับต้นๆ ซึ่งทางบริษัทวิอาควาได้มีเทคโนโลยีและวิธีการที่จะช่วยในการบริหารการป้องกันโรคในกุ้งและสัตว์น้ำอื่นๆ โดยหวังว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วโลกให้จัดการกับปัญหาและความท้าทายนี้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายธีรพงศ์ กล่าว

นายแพทริค เบอทาแลนฟ์ฟี ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาธุรกิจเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในวิอาควาในครั้งนี้ทำให้ไทยยูเนี่ยนได้ขยายการลงทุนไปสู่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทเองยังคงมองหาโอกาสที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ในอนาคตต่อไป” 

ทั้งนี้ งบลงทุนในส่วนของ venture fund ของไทยยูเนี่ยนนั้นมุ่งลงทุนใน 3 ด้านได้แก่ โปรตีนทางเลือก อาหารฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า ไทยยูเนี่ยนจะลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่สนใจด้านเหล่านี้และร่วมสนับสนุนและผลักดันให้พัฒนาต่อไป

ด้านนายไช ยูฟัซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวิอาควา กล่าวว่า “บริษัทรู้สึกยินดีที่ทางไทยยูเนี่ยนได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัทของเรา ด้วยรากฐานที่มั่นคงของไทยยูเนี่ยน และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมอาหารนั้น จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายและค่านิยมของวิอาควา”

ปัจจุบันบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี และ ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก 

โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายต่อปีมากกว่า 132,402 ล้านบาท (4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน 

นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ได้แก่ UniQ™BONE, UniQ™DHA และ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด 

โดยส่งผลให้ไทยยูเนียน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 7 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2563 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน