posttoday

ไฟเขียวงบ 568 ลบ. จ่ายเวนคืนที่ดินไฮสปีด 3 สนามบิน

01 มิถุนายน 2564

ครม.อนุมัติงบกลาง 568 ลบ. ให้รฟท. เวนคืนที่ดิน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า  ครม.อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 568 ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเวนคืนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)เสนอ

สำหรับวงเงินที่ ครม.อนุมัติในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจาก มติ ครม. เมื่อ 30 มีนาคม 2564 ได้รับทราบการขยายกรอบวงเงินค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินฯ จากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เป็นไม่เกิน 5,740 ล้านบาท จากเดิม 3,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,170 ล้านบาท ซึ่งในส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้ให้ รฟท. ขอจัดสรรงบประมาณ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

1.จำนวน 580 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากงบกลางฯปีงบประมาณ 2564 ส่วนที่เหลือให้ สกพอ. โอนจากงบบูรณาการภายใต้แผนงานบูรณาการ อีอีซี และ 2.จำนวน 1,562 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณ ปี 2565

ทั้งนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นการพัฒนาพื้นที่โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์เดิม ช่วงพญาไทถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ส่วนต่อขยาย ช่วงท่าอากาศยานดอนเมืองถึงพญาไท จำนวน 10 สถานี และโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน 5 สถานี รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา แบบไร้รอยต่อ  โดยให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง ดำเนินกิจการ และบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้รับความเสี่ยงเกี่ยวกับรายได้ค่าโดยสารและปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการทั้งหมด คาดว่าในปีที่เปิดให้บริการ จะมีผู้โดยสารประมาณ 1.47 แสนคนต่อวัน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างงานระหว่างการก่อสร้าง 1.6 หมื่นอัตรา เกิดการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 1 แสนอัตราในช่วง 5 ปี    ทำให้เกิดการใช้วัสดุก่อสร้างในประเทศ เช่น เหล็กจำนวน 1 ล้านตัน ปูนจำนวน 8 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มมูลค่าการพัฒนาเศรษฐกิจ ในรัศมี 2 กิโลเมตร ตามเส้นทางรถไฟกว่า 2.14 แสนล้านบาท  ส่วนความคืบหน้าของโครงการ รฟท. จะส่งมอบพื้นที่โครงการช่วงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้เอกชนคู่สัญญาภายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้