posttoday

'พาณิชย์' ชี้ช่องส่งออกสหรัฐ-จีน ยังมีอนาคต

26 เมษายน 2564

ดัชนีชี้วัดศักยภาพการนำเข้าคู่ค้าฯ ระบุ สหรัฐ-จีน นำโด่ง แนะผู้ประกอบการศึกษาตลาดส่งออก รักษามาตรฐานสินค้าให้ตรงปก ขณะที่ยุโรปต้องเร่งเพิ่มส่วนแบ่งการค้า

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้จัดทำรายงานดัชนีชี้วัดศักยภาพการนำเข้า (Import Potential Index: IPI) ครอบคลุมประเทศคู่ค้าใน 10 ภูมิภาค  รวม 89 ประเทศ พบว่าประเทศที่มีศักยภาพการนำเข้าสูงสุด 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามลำดับ

ทั้งนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออก (จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) มีศักยภาพในการนำเข้าสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ รองลงมา คือ ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ยุโรป และโอเชียเนีย (ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) ซึ่งล้วนเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยในปัจจุบัน ขณะที่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกับไทย มีศักยภาพการนำเข้าที่สูงขึ้นอย่างน่าสนใจ

ทางสนค. นำผลคะแนนดัชนี IPI มาพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆวางแนวทางการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกโดยกรณีที่ประเทศคู่ค้ามีศักยภาพการนำเข้าสูง และระดับมูลค่าส่งออกของไทยไปประเทศนั้นๆ สูงด้วย สามารถแบ่งกลุ่มประเทศได้เป็น 2 กลุ่มย่อย คือ1. กลุ่มประเทศที่ไทยสามารถส่งออกได้ตามศักยภาพการนำเข้าของประเทศคู่ค้าแล้ว ได้แก่ สหรัฐ จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ควรมี การรักษาฐานตลาด ปรับปรุงพัฒนา และรักษามาตรฐานสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด และสร้างความจงรักภักดีต่อสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง

2. กลุ่มประเทศที่ไทยยังส่งออกได้น้อยกว่าศักยภาพการนำเข้าของประเทศคู่ค้านั้น ในภูมิภาคยุโรป 14 ประเทศ (เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สวีเดน ฝรั่งเศส เบลเยียม สเปน เช็ก โปแลนด์ ฮังการี และอิตาลี) เอเชีย 5 ประเทศ (เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และอิสราเอล) อเมริกาเหนือ 2 ประเทศ (แคนาดา และเม็กซิโก) ชิลี และรัสเซีย  ควรขยายความร่วมมือและเปิดเสรีการค้าระหว่างกันมากขึ้น  รักษามาตรฐานสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด รวมทั้งหาช่องทางการค้าใหม่ๆ เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับศักยภาพการนำเข้าของประเทศคู่ค้า 

ส่วนกรณีที่ประเทศคู่ค้ามีศักยภาพการนำเข้าสูง แต่ระดับมูลค่าส่งออกของไทยไปประเทศนั้นๆ ยังอยู่ในระดับปานกลางถึงน้อย แบ่งกลุ่มประเทศเป็น 2 กลุ่มย่อย ดังนี้ 1. กลุ่มประเทศที่ความต้องการซื้อตรงกับความต้องการขายอยู่ในระดับสูง ได้แก่ ประเทศในภูมิภาคยุโรป 10 ประเทศ (นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ออสเตรีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย โปรตุเกส ลัตเวีย สโลวัก โรมาเนีย และโครเอเชีย) และภูมิภาคเอเชียกลาง 2 ประเทศ (อาเซอร์ไบจาน และคาซัคสถาน) ควรขยายความร่วมมือและเปิดเสรีการค้าระหว่างกันมากขึ้น และเร่งศึกษาตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการค้า

2. กลุ่มประเทศที่ความต้องการซื้อตรงกับความต้องการขายอยู่ในระดับปานกลาง-น้อย ได้แก่ ปานามา และบัลแกเรีย  ซึ่งจะต้อง ค้นหาสินค้าที่ตลาดต้องการ ส่งเสริมการตลาดรายสินค้า และผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ด้านประเทศคู่ค้ามีศักยภาพการนำเข้าปานกลาง แต่ความต้องการซื้อตรงกับความต้องการขายอยู่ในระดับสูง ได้แก่ โมร็อกโก เซอร์เบีย โคลัมเบีย บาห์เรน ยูเครน อุรุกวัย อาร์เมเนีย กานา และโบลิเวีย เนื่องจากความต้องการซื้อตรงกับความต้องการขาย ทำให้มีโอกาสเจาะตลาดเพิ่มขึ้น จึงควรศึกษาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อ ให้ไทยสามารถส่งออกไปยังตลาดกลุ่มนี้ให้ได้มากขึ้นในอนาคต