posttoday

นายกฯ นำบอร์ดดีอีเคาะงบ 500 ล้านดันโครงการนำร่อง 5จี

24 มีนาคม 2564

“พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี นำบอร์ดดีอีประชุมนัดแรกปี 64 ไฟเขียวกรอบงบประมาณ 500 ล้านบาท ดันโครงการนำร่องขับเคลื่อนการต่อยอดใช้ประโยชน์ 5จี พิจารณาแต่งตั้ง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาในบอร์ดชุดนี้เพิ่มเติม

รายงานข่าวระบุ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ครั้งที่ 1/2564 พร้อมด้วยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเน้นย้ำการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ และนำไปสู่การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ การพัฒนาบริการประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกระดับ ทุกช่วงวัย ทุกสาขาอาชีพ ส่งเสริมประชาชนให้มีภูมิต้านทานในการใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์มากกว่านำมาใช้สร้างความขัดแย้ง

โดยที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทย เพื่อการต่อยอดการใช้ประโยชน์ ตามมาตรา 26 (6) วงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท

นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังได้ให้ความเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามมาตรา 26 (6) แห่ง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 สำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทย เพื่อการต่อยอดการใช้ประโยชน์

สำหรับโครงการที่เข้าเกณฑ์ได้รับการพิจารณาสนับสนุน ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขหลักๆ ได้แก่ เป็นโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ เป็นโครงการนำร่องที่มีความสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ของประเทศไทย ระยะที่ 1 โดยเป็นโครงการที่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนต่อยุคดิจิทัล หรือจะส่งผลกระทบในวงกว้าง และโครงการที่ขอรับการสนับสนุน ต้องมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี)

ในส่วนของหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่าย จะต้องเป็นไปตามระเบียบหรือเกณฑ์ราคากลางที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นเครื่องมือ/อุปกรณ์ เพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยี 5G มีผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายจำนวนน้อยราย สามารถยื่นรายละเอียดค่าใช้จ่ายตามสมควร โดยการพิจารณาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหารกองทุนดีอี

ขณะที่ โครงการนำร่องด้วยเทคโนโลยี 5G จะมีเกณฑ์การคัดเลือกเพิ่มเติม ได้แก่ เป็นความร่วมมือในรูปแบบการดำเนินการร่วมกัน พื้นที่นำร่องจะเป็นต้นแบบการนำร่อง 5G ในมิติต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และเกิดการนำไปขยายต่อ ทำซ้ำ ซ้ำเสริม และต่อยอด โดยจะเป็นต้นแบบการใช้ประโยชน์จาก 5G ที่เป็นรูปธรรม โดยการดำเนินงานของโครงการต้องเกิดผลสัมฤทธิ์ ส่งผลให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี และสามารถส่งต่อประโยชน์ให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าในเชิงบูรณาการต่อไป เป็นต้น

“เทคโนโลยี 5G เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในทุกมิติ อาทิ ภาคอุตสาหกรรม ภาคโทรคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค ภาคการขนส่ง ภาคการเกษตร ด้านสาธารณสุข เนื่องจาก มีคุณสมบัติสำคัญด้านความเร็ว ความหน่วงต่ำ และสามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในปริมาณมาก ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมการต่อยอดการใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อย่างก้าวกระโดด โดยจะเป็นการสนับสนุนการยกระดับด้านเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นางสาวอัจฉรินทร์ ยังได้นำเสนอที่ประชุมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ที่มีรายงานจัดอันดับช่วงต้นปีนี้โดย Ookla Speedtest ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลก ระบุว่า อินเทอร์เน็ตบ้าน (Fixed Broadband) ของไทย มีความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดสูงถึง 308.35 เมกะบิท/วินาที (Mbps) ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก

สำหรับวาระเพื่อพิจารณาอื่นๆ ในการประชุมวันนี้ ได้แก่ ร่างแผนปฏิบัติการด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัล ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2565 – 2570) แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ โดยเป้าหมายการพัฒนาระยะแรก (ภายในปี 2565) จะมีโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่มีการเชื่อมต่อและเข้าถึงในทุกสถานที่และสามารถเชื่อมต่อได้ด้วยความเชื่อมั่นและปลอดภัย ส่วนเป้าหมายการพัฒนาระยะที่สอง (พ.ศ. 2566 - 2570) ประเทศไทย จะมีโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ โดยที่ประชุมให้ความเห็นชอบในหลักการ พร้อมให้ความเห็นเพิ่มเติมให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อเริ่มเดินหน้าได้เป็นลำดับต้นๆ เน้นการดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นที่ปรึกษาในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ