นัดถกธปท.คลายล็อกซอฟต์โลน 5 แสนล้าน พยุงเอสเอ็มอีช่วงโควิด
ส.อ.ท. เตรียมหารือธปท. 22 ม.ค.นี้ ทบทวนซอฟต์โลน 5 แสนล้าน พร้อมมาตรการเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี ช่วงโควิด เล็งขอสถาบันการเงินลดอกเบี้ยเงินกู้ 1 %
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (เอสเอ็มไอ) จะหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เรื่องมาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะหาแนวทางผ่อนปรน พ.ร.ก.สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) วงเงิน 5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวเพียง 1.2 แสนล้านบาท ทำให้ยังเหลือวงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท โดยจะนำร่าง แก้ไขพ.ร.ก. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) 5 แสนล้านบาทที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณาไว้มาหารือร่วมกัน ประกอบไปด้วย 1. ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีวงเงินสินเชื่อคงค้างกับสถาบันการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
2. ขยายเวลาให้สถาบันการเงินยื่นกู้ขอวงเงินกู้ได้คราวละ 6 เดือน จนกว่าเงินจะหมด 3. ขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากยอดหนี้เดิมได้ไม่เกิน 30% ของยอดสินเชื่อ และกรณีลูกค้าไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงิน กู้ได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท
4. สามารถคิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก 5. ชดเชยความเสียหายไม่เกิน 80% ของลูกหนี้แต่ละราย และ 6. สถาบันการเงินชำระคืนเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยแก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใน 5 ปี
นอกจากนี้จะมีข้อเสนอเพิ่มเติมจากส.อ.ท. ดังนี้ 1. ขอไม่จำกัดวงเงินกู้ในการขอสินเชื่อ โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการเป็นรายๆ ไป 2. ขอให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก 3. ขอให้มีการปรับจัดลำดับการตัดชำระหนี้ของผู้ประกอบการ โดยให้ตัดจากเงินต้นก่อน เพื่อเป็นการปรับลดจำนวนหนี้ให้แก่ผู้ประกอบการ 4. ให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำลง 1% และ5.ให้ บสย. ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อเพิ่ม 40%
“ศุกร์นี้จะหารือกับธปท. โดยทางเอสเอ็มอีไอ จะนำข้อเสนอของสอท.ครั้งนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ทั้งเรื่องซอฟต์โลน 5 แสนล้าน และการขอปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ 1% ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการได้มาก ถ้าทำได้จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้เร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันเรื่องค่าเงินแข็งค่าก็เป็นอุปสรรค แม้ว่าหลายประเทศจะแข็งค่าเหมือนไทย แต่ยกเว้นเวียดนามที่ค่าเงินยังดีกว่ามาก ทำให้ได้เปรียบทางการค้า” นายสุพันธุ์กล่าว