posttoday

"สนธิรัตน์" โชว์ผลงาน1ปี หวังโรงไฟฟ้าชุมชนได้ไปต่อ รอรัฐมนตรีใหม่เคาะ

17 กรกฎาคม 2563

"สนธิรัตน์" อำลาผู้บริหารสังกัดกระทรวงพลังงาน ลั่น โครงการดีๆวางอยู่บนโต๊ะรอการสานต่อ ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชน การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 23 ใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้ เพราะมีข้าราชการสนับสนุน

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์   สนธิจิรวงศ์  รมว.พลังงาน ได้เดินทางเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพลังงาน เนื่องในโอกาสอำลาตำแหน่งหลังได้ยื่นหนังสือลาออกจากรมว.พลังงานเมื่อวันที่ 16 ก.ค. โดยมีข้าราชการระดับสูงและผู้บริหารจากรัฐวิสาหกิจในสังกัดเข้าร่วม หลังจากนั้นได้เปิดแถลงผลงานที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาครบ 1 ปีกับสื่อมวลชน

นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์  รมว.พลังงาน    เปิดเผยว่า ขอขอบคุณทุกฝ่ายและสื่อที่มวลชนที่ทำงานร่วมกันมา 1 ปี  นับจากนี้ คงจะพักผ่อนและยังไม่คิดว่าจะเล่นการเมืองใดๆ คงจะไปทำงานด้านที่สร้างประโยชน์ต่อประเทศต่อเนื่อง  ขณะนี้มีนโยบายและโครงการหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้แล้วอะไรที่คิดว่าดีก็อยากให้รัฐมนตรีใหม่สานต่อ  แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐมนตรีท่านใหม่จะพิจารณา ในเชิงบริหารซึ่งตนได้วางทุกอย่างไว้บนโต๊ะให้แล้ว

"สนธิรัตน์" โชว์ผลงาน1ปี หวังโรงไฟฟ้าชุมชนได้ไปต่อ รอรัฐมนตรีใหม่เคาะ

ส่วนกรณีใครจะเข้ามาแทนเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณาซึ่งนายกฯเข้าใจบทบาทกระทรวงพลังงานเป็นอย่างดี

สำหรับกระแสข่าวถึงตัวบุคคลมารับตำแหน่งรมว.พลังงานทั้ง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น ไม่ขอออกความคิดเห็น แต่ในฐานะที่ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีฯมาครบ 1 ปีเห็นว่า ขอให้เป็นบุคคลที่เป็น “นักบริหาร” ก็จะสามาถทำงานได้ เพราะมีข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถช่วยแนะข้อมูลอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้พยายามผลักดันนโยบายพลังานเพื่อทุกคนหรือ Energy For All  จากเดิมที่เป็นเรื่องเชิงเทคนิค โดยปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจเพื่อปากท้องพี่น้องประชาชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก  รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถการแช่งขันประเทศ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ดูแลค่าพลังงานต่างๆเพื่อลดค่าครองชีพประชาชนโดยเฉพาะช่วงโควิด-19 รวมมูลค่า  40,500 ล้านบาท โรงไฟฟ้าชุมชนหากเกิดการลงทุนจะมีมูลค่าราว 48,000 ล้านบาท สร้างความเป็นธรรมด้านพลังงานด้วยการปรับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 50 สตางค์ต่อลิตรคิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาทต่อเดือน ยกระดับคุณภาพชีวิตสวนปาล์มด้วย B10 เป็นต้น

นายสนธิรัตน์  กล่าว่า สำหรับโครงการที่ได้วางไว้หลักๆที่ตนมุ่งเน้นผลักดันคือ โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากโดยเน้นหัวใจที่แท้จริงให้อยู่ที่ชุมชนปลูกพืชพลังงานมีรายได้มั่นคง ไม่ใช่อยู่ที่เอกชน พื้นที่ที่ควรได้ก่อนคืออยู่ปลายสายส่งไม่มีความมั่นคงด้านพลังงาน หรือพื้นที่เกษตรกรยากจนปลูกอะไรไม่ได้ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้หารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ที่จะเป็นผู้ชี้เป้าในมิติของการแก้ไขหนี้สินพี่น้องเกษตรกรหมายถึงการยึดหลักเกิดโรงไฟฟ้าชุมชนจากส่วนนี้ก็จะช่วยให้แก้หนี้เกษตรกรได้ และอีกขาหนึ่งได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจพอเพียง

"สนธิรัตน์" โชว์ผลงาน1ปี หวังโรงไฟฟ้าชุมชนได้ไปต่อ รอรัฐมนตรีใหม่เคาะ

"โครงการนี้หากยึดเงินเป็นตัวตั้งจะไม่จบสิ้นและเกิดความโลภระหว่างผู้ประกอบการกับชุมชนจะไม่ใช่ปรัชญาที่แท้จริง ดังนั้นโครงการนี้มี IRR ไมถึง 10% หลายคนบอกไม่อยากทำ  หลายคนอยากทำแต่เอาสัญญาไปขายต่อา  จึงฝากปลัดกระทรวงพลังงานให้ดูด้วย โดยในส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 4 แห่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และการไฟฟ้าสว่นภูมิภาค(PEA)ได้เดินหน้าไปแล้ว "นายสนธิรัตน์กล่าว

นอกจากนี้การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 23 เดิมได้เตรียมที่จะลงนามประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาเสนอการแข่งขันประมูลในสัปดาห์หน้า แต่เมื่อไม่ได้อยู่ในตำแหน่งดังกล่าวแล้วก็คงจะต้องเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีคนใหม่

ขณะเดียวกันในส่วนของกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์ได้เข้ามาดูแลเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โครงการต่างๆที่เข้ามายื่นสามารถตรวจสอบได้ไม่ใช่เค้กให้ใครมาแบ่งหากมีปัญหาสังคมจะจับจ้องเองและจะ Blacklist  นอกจากนี้การยกระดับราคาปาล์มได้ผลักดันให้เกิดการนำระบบบล็อกเชนมาซื้อขายเพื่อดูแลให้เกิดความเป็นธรรมที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทดลองอยู่ เป็นต้น