posttoday

"จุรินทร์"ยืนรัฐช่วยคนกลุ่มเปราะบาง13ล้านคน รอตรวจสอบก่อนโอนเงินให้

01 มิถุนายน 2563

"จุรินทร์" ประกาศ ช่วยประชาชนกลุ่มเปราะบาง 13 ล้านคน รอขั้นตอนตรวจสอบรายชื่อแล้วโอนเงินช่วยผลกระทบโควิด-19

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อม นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางพื้นที่เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ที่ ลานกีฬาใต้ทางด่วนชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหลายเรื่องให้กับพวกเราในเวลาเดียวกันทั้งในเรื่องของที่อยู่อาศัย สุขภาพ งานในยามที่เราประสบภัยโควิด-19 หลายคนก็ตกงานก็มีกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เข้ามาช่วย คลี่คลายปัญหาให้อย่างน้อยถือว่าเป็นน้ำใจจากรัฐบาล และภาคเอกชนสมาคมต่างๆที่ระลึกถึงพี่น้องและมาเยี่ยมเท่าที่กำลังจะทำได้ที่เหลือเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะเข้ามาช่วยดำเนินการต่อไป

สำหรับผู้พิการคณะกรรมการส่งเสริมพัฒนาคนพิการแห่งชาติที่ตนเป็นประธานและมีรัฐมนตรีจุติ ไกรฤกษ์ ดูแลเรามีมติหลายเรื่องในการช่วยเหลือกับผู้พิการ เช่น เงินกองทุนให้คนละ 1,000 บาทโอนเข้าบัญชีโดยตรงให้กับผู้พิการทั่วทั้งประเทศ 2 ล้านกว่าคน นอกจากนั้นผู้พิการที่เป็นหนี้กองทุนผู้พิการก็พักชำระหนี้ให้ 1 ปี ผู้พิการที่ต้องการเงินไปประกอบอาชีพอนุมัติให้รายละไม่เกิน 10,000 บาทโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่มีดอกเบี้ยและให้ผ่อนชำระหนี้ได้ถึง 5 ปี

"ตั้งใจที่จะช่วยให้คนพิการได้มีอาชีพมีงานทำ นอกจากนั้นล่าสุดคณะรัฐมนตรีโดยการเสนอของท่านรัฐมนตรีจุติ ไกรฤกษ์ติ ให้ความเห็นชอบที่จะช่วยเพิ่มเบี้ยคนพิการจากเดือนละ 800 บาทเป็น 1,000 บาทสำหรับผู้พิการที่มีบัตรลงทะเบียน 1 ล้านคนโดยประมาณ ส่วนผู้พิการอายุต่ำกว่า 18 ปี กว่า 1 แสนคนจะได้เพิ่มเบี้ยผู้พิการตั้งแต่ 800 เป็น 1,000 บาทเช่นกันโดยส่วนนี้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณถัดไป คือ 1 ตุลาคม 2563 ปีนี้ เป็นต้นไป" นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับผู้พิการกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก เป็นต้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาศูนย์โควิดแห่งชาติโดยข้อเสนอของกระทรวง พม.ให้ความเห็นชอบในหลักการที่จะช่วยให้กลุ่มเปราะบางได้มีโอกาสได้รับเงินเพิ่มเติมอีกเดือนละ 1,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือนต่อเนื่องกันรวมแล้วประมาณ 13 ล้านคน ขณะนี้กำลังดูชื่อบุคคลที่จะไม่ซ้ำซ้อนกับคนที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว