รถค้างค่างวดไฟแนนซ์ ประกันภัยรถยนต์ยังคุ้มครองอยู่ไหม

เจ้าของรถส่วนใหญ่ที่ทำเรื่องจัดไฟแนนซ์ หรือทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ แล้วค่อยผ่อนไปทีละงวด บางครั้งอาจเกิดอาการสะดุด ช็อตเงินกะทันหัน ไม่สามารถส่งค่างวดให้ไฟแนนซ์ตามกำหนดได้ บางคนอาจสงสัยว่า หากเกิดอุบัติเหตุในช่วงระหว่างนั้น ประกันภัยรถยนต์แบบสมัครใจที่ทำเสริมไว้จะยังคุ้มครองอยู่หรือเปล่า?

ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองเสมอ แม้ในวันค้างค่างวด

ไม่ว่าคุณจะทำประกันภัยรถยนต์แบบจ่ายเต็มทีเดียวจบ หรือทำประกันภัยรถยนต์แบบผ่อนชำระกับ “คนกลาง” ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร บริษัทบัตรเครดิต หรือโบรกเกอร์ แม้จะอยู่ในช่วงเวลาค้างค่างวดไฟแนนซ์ ประกันฯ ก็ยังให้ความคุ้มครอง และสามารถเคลมประกันได้ตามปกติ ทั้งแบบเคลมสดและเคลมแห้ง โดยกรณีทำประกันภัยรถยนต์แบบผ่อนชำระ ทาง “คนกลาง” จะเป็นผู้จ่ายเงินทั้งหมดให้แก่บริษัทประกันฯ ไปก่อน โดยกรมธรรม์จะเริ่มคุ้มครองทันทีตั้งแต่วันที่ทำ ส่วนสำเนากรมธรรม์จะจัดส่งภายใน 30 วัน แต่ฉบับจริงจะได้รับหลังผ่อนชำระเสร็จสิ้น

ถ้าเป็นการเคลมปกติ ความเสียหายไม่มาก ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่กรณีเสียหายหนัก อู่ประเมินค่าซ่อมแล้วแพงกว่าเบี้ยประกันที่เราจ่าย เขาอาจจะเรียกหากรมธรรม์ตัวจริงซึ่งอยู่กับ “คนกลาง” หากเจ้าของรถต้องการกรมธรรม์ตัวจริง ก็ต้องยอมปิดยอดที่ค้างชำระอยู่กับ “คนกลาง” เสียก่อน จึงจะได้มา เพราะถ้าธนาคาร บริษัทบัตรเครดิต หรือโบรกเกอร์ให้กรมธรรม์ตัวจริงมาแล้ว เกิดเราเบี้ยวไม่ส่งงวดที่เหลือต่อ ทาง “คนกลาง” จะไปตามเก็บเงินกับใคร? ...ถือเป็นการยื่นหมูยื่นแมวตามความเหมาะสม และมองในแง่บวกแล้ว ก็ยังดีกว่ารถเราไม่มีประกันฯ คุ้มครองใช่ไหมล่ะ

ค้างค่างวดรถกี่เดือน ถึงจะโดนยึด ?

โดยทั่วไปแล้ว เราจะต้องค้างค่างวดรถติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้น ไฟแนนซ์ก็จะติดตามถามทวงอีก 30 วัน หากเกินจากนี้แล้วไม่ได้ไปชำระเงิน เราก็จะถูกยึดรถโดยปริยาย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่คนมายึดมักจะไม่มาบอกเรา แต่หากของใครค้างนานกว่านี้แล้วไม่มีการแจ้งมาว่าจะยึด ก็อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองโชคดีไป ขอให้เตรียมตัวไว้ว่า เขาอาจจะมาแบบสายฟ้าแลบ เจอปุ๊บยึดปั๊บ หมดสิทธิ์ต่อรองทุกรูปแบบ

ในกรณีนี้ หากคุณทำประกันภาคสมัครใจไว้ เมื่อรถโดนไฟแนนซ์ยึด ตามกฎของ คปภ. แล้ว คุณสามารถนำกรมธรรม์ไปยื่นเรื่องขอเงินจากบริษัทประกันภัยคืนได้ แต่ถ้าหากคุณยังอยากเป็นเจ้าของรถต่อไปอย่างถูกกฎหมาย คุณสามารถ

• เจรจาขอผ่อนเฉพาะดอกเบี้ย โดยยังคงต้นเงินไว้ เผื่อในอนาคต ผู้เช่าซื้ออาจจะมีเงินก้อนไปปิด ก็จะทำให้เจรจาได้ง่ายขึ้น
• จ่ายก่อนบางส่วน อาจจะ 1 หรือ 2 เดือน ก็จะเป็นการลดสถานะค้างค่างวดรถไป หากถูกยึดรถจริง อย่าลืมตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่มายึดด้วยว่าเป็นตัวจริงไหม แต่ทางที่ดีที่สุดคือ พยายามชำระให้ตรงเวลา จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวกับการโดนทวงหนี้
• รีไฟแนนซ์หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ซึ่งก็คือ การกู้เงินก้อนใหม่มาชำระหนี้ก้อนเดิม โดยมีรถยนต์ของคุณเป็นหลักประกัน นับเป็นสัญญาเงินกู้ใหม่ มีเงื่อนไขใหม่ที่สองฝ่ายตกลงกัน และเป็นเงื่อนไขที่ให้ความยืดหยุ่น ลดภาระในการผ่อนชำระของผู้กู้มากขึ้น ก็เปรียบเหมือนเป็นการขยายระยะเวลาการผ่อนออกไป และขอลดหย่อนการผ่อนในแต่ละเดือนลง แต่ผลที่อาจจะตามมาคือเสียดอกเบี้ย หรือผลประโยชน์ให้กับไฟแนนซ์ที่มากขึ้น ลองศึกษาเคล็ดลับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ไว้ วางแผนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ก็จะไม่เจ็บหนัก

ในกรณีที่เจ้าของรถผ่อนไม่ไหว ไม่มีเงินโปะ และไม่ยอมเอารถไปคืน ทางบริษัทไฟแนนซ์สามารถยื่นฟ้องได้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ

กรณีแรก ยังมีรถอยู่กับตัว อาจถูกไฟแนนซ์ฟ้องแพ่ง ในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อ โดยบังคับยึดรถ หรือตามยึดทรัพย์อย่างอื่น แต่ฟ้องคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ไม่ได้

กรณีที่สอง ไม่มีรถอยู่กับตัวแล้ว โดยเอาไปขายต่อเต็นท์รถ หรืออื่นๆ ในระหว่างสัญญา เจ้าของรถอาจจะถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ เพราะกรรมสิทธิ์รถเป็นของไฟแนนซ์ ดังนั้น เจ้าของรถไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาไปขาย

รถยนต์ติดไฟแนนซ์ ต่อประกันภัยรถยนต์เองได้ไหม?

ได้แน่นอน เนื่องจากประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3+ และชั้น 3 เป็นประกันภาคสมัครใจ ไม่มีข้อบังคับว่าจะต้องทำ สามารถเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์เองได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีแรกของการซื้อรถยนต์ ทางไฟแนนซ์จะบังคับให้ทำประกันภัยชั้น 1 ส่วนในปีถัดมา เราก็สามารถเลือกเองได้ว่าจะทำประกันภัยชั้น 1 ต่อ หรือจะเลือกทำประกันชั้นอื่นๆ เพื่อลดค่าเบี้ยประกันให้ถูกลง

หากคุณต้องการคำปรึกษาเรื่องทำประกันรถยนต์สำหรับรถที่ติดไฟแนนซ์ สามารถคุยกับผู้เชี่ยวชาญของ EasyCompare เพื่อเลือกหาแผนประกันที่เหมาะกับคุณที่สุดได้เลย เรามีหลากหลายแผนที่ครอบคลุมทุกความต้องการของคุณ