posttoday

เทรนด์โซลาร์รูฟท็อป ตอบโจทย์คนอยู่บ้าน ยุค New Normal

12 พฤษภาคม 2563

‘เสนา’ สบช่องพิษโควิด-19 สร้าง New Normal แนวโน้มคนทำงานที่บ้านมากขึ้น นำร่องติดตั้งโซลาร์เซลล์ บ้านหลังเล็กทดสอบตลาดล่าง ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้า

น.ส.เกษรา  ธัญลักษณ์ภาคย์  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการ บริษัทเสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้เกิดนโยบายการทำงานที่บ้าน(Work From Home)ถือเป็น New Normal  ซึ่งการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาบ้าน(โซลาร์รูฟท็อป) มีโอกาสขยายตัวเพื่อตอบโจทย์การประหยัดค่าไฟฟ้า

ขณะที่การติดตั้งโซลาร์ฯอาคาร และโรงงานต่างๆทั้งรูปแบบที่ติดตั้งเองใช้เองและรูปแบบPrivate PPA ที่เอกชนตกลงซื้อขายไฟโดยติดตั้งโซลาร์ฯให้แล้วขายในราคาต่ำกว่าการไฟฟ้าจะมีทิศทางชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเสนาฯได้ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้ลดภาระค่าไฟฟ้า โดยการติดตั้งให้กับโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดนมิเนียมส่วนกลาง  ซึ่งการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ลูกบ้านที่ติดโซลาร์ฯ 400 หลังคาได้ประโยชน์ในการประหยัดค่าไฟอย่างมากเพราะอยู่บ้านช่วงกลางวัน และไม่ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มในอัตราก้าวหน้า

อย่างไรก็ดีในเดือนมิ.ย.นี้  บริษัทวางแผนติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป กำลังการผลิต 1 กิโลวัตต์กับโครงการที่อยู่อาศัยประเภท “ทาวน์โฮม” โดยจะนำร่องติดตั้งทุกยูนิตในโครงการ “เสนาวิลล์ ลำลูกกา- คลอง 6”  ถือเป็นโครงการนำร่องสำหรับตลาดบ้านขนาดเล็กครั้งแรก   และมีแผนที่จะดำเนินการในโครงการถัดไปในช่วงครึ่งปีหลัง

“ค่าไฟฟ้าในช่วงที่หลายคนต้องทำงานที่บ้าน และกักตัวตามนโยบายรัฐได้รับเสียงสะท้อนจากลูกบ้านภายในโครงการที่ติดตั้งโซลาร์ที่เห็นถึงประโยชน์และความคุ้มค่าจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ที่มีส่วนทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่ม เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าและใช้ได้ทันทีในการทำงาน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาทาวน์โฮมในการติดตั้งโซลาร์รายแรก ด้วยราคาที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากราคาบ้านเดิมที่ไม่มีการติดตั้งแผงโซลาร์”น.ส.เกษรากล่าว

การติดตั้งแผงโซลาร์ในทุกโครงการของเสนานั้น จะมีบริษัท เสนา โซลาร์ เอเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ จะเป็นผู้เข้ามาดำเนินการติดตั้งและให้บริการวางระบบต่างๆ โดยได้คำนวณความเหมาะสมของการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าบางประเภทที่มีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่สิ้นเปลื้อง ทั้งเครื่องปรับอากาศ และ คอมพิวเตอร์ ที่คาดว่าจะสอดรับกับพฤติกรรมของคนไทยในการทำงาน และการอยู่อาศัยที่มีทิศทางจะเปลี่ยนไปโดยใช้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการใช้มาตรการ Work From Home ที่จะเป็น New Normal ที่หลายส่วนได้เห็นประสิทธิภาพการทำงานที่ช่วยลดต้นทุนรายจ่ายและพนักงานจะยังคงมีโอกาสทำงานที่มากขึ้นในอนาคต ประกอบกับวัคซีนและยารักษาโควิด-19 ขณะนี้เองก็ยังไม่มี

น.ส.เกษรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตั้งโซลาร์บนหลังคาในโครงการบ้านไปแล้วมากกว่า 400 หลังคาเรือน 1,000 กิโลวัตต์ติดตั้งขนาด 2.2-2.5 กิโลวัตต์ต่อหลัง ซึ่งเมื่อคิดคำนวณในระยะเวลา 10 ปี เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ได้ถึง 16-63 ต้น สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 2-9 ตันต่อปี  และเมื่อรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งรวมทั้งหมดประมาณ 1 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกันเสนายังได้ยื่นขอสิทธิ์ให้กับลูกบ้านผ่านโครงการโซลาร์ภาคประชาชนและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกบ้านรวม 6 โครงการจำนวน 170 หลังคา คิดเป็นจำนวน 394.40 กิโลวัตต์