IRPC ฮึดสู้ฝ่าวิกฤตโควิด อ่วมไตรมาสแรกขาดทุน 8.9 พันล้าน
IRPC ปรับตัวรับสถานการณ์ ตั้งทีมพิเศษเกาะติดภาคธุรกิจ ถอดบทเรียนโควิด-19 มุ่งสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ หลังไตรมาสแรกขาดทุน 8,900 ล้าน จากปัจจัยลบเศรษฐกิจโลกชะลอ
นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ โดยกำหนดมาตรการต่างๆ ที่สามารถตอบสนองต่อนโยบายรัฐ ซึ่งได้ตั้งคณะทำงาน Crisis Management และ Planning Ahead ขึ้นมาบริหารธุรกิจในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้คณะทำงาน Crisis Management จะติดตามสถานการณ์ธุรกิจ พร้อมกำหนดนโยบายและตัดสินใจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ โดยทำงานคู่ขนานกับคณะทำงาน Planning Ahead ที่บริหารจัดการฟื้นฟูธุรกิจหลังภาวะวิกฤต และมองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจที่รองรับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในอนาคต
สำหรับในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาต่อยอดชุด PPE อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ผลิตจากผ้าสปันบอนด์ (Polypropylene spunbond) ที่สามารถป้องกันสารคัดหลั่งและเลือดไม่ให้ซึมผ่านด้วยต้นทุนในการผลิตถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศถึงร้อยละ 60
รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมพลาสติกคลุมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ โดยใช้วัตถุดิบผ้ากระสอบพลาสติกผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีนเกรดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรงทนทานสูง ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศถึงเกือบ 3 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งสงครามการค้าทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็วและวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 3,665 ล้านบาท (6.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 6,811 ล้านบาท และทำให้ไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่ายังทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องจากสิ้นไตรมาส 1 จะเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ต้นทุนทางการผลิตลดลง จากการได้รับประโยชน์จากราคาประกาศของ Saudi Aramco ที่มีส่วนลด (discount) ประมาณ 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในเดือนพ.ค. ซึ่งในปัจจุบันสัดส่วนน้ำมันดิบที่ IRPC สั่งซื้อมาจาก Saudi Aramco มีประมาณร้อยละ 40 ของปริมาณการสั่งซื้อน้ำมันดิบทั้งหมด