posttoday

ส่งออกอาหารสุนัข-แมวเติบ ยังได้ไปต่อ แม้เกิดวิกฤตโควิด-19

05 พฤษภาคม 2563

ไทยขึ้นแท่นส่งออกอาหารสุนัข-แมวติดอันดับ 3 ของโลก พาณิชย์ ชี้ยังเติบโตได้ช่วงวิกฤต หนุนผู้ประกอบการใช้เอฟทีเอช่วยเพิ่มแต้มต่อขยายส่งออก ปรับแพคเกจจิ้งเพิ่มปริมาณและแปรรูปเป็นอาหารสัตว์กระป๋อง สร้างความสะดวกและยืดระยะเวลาเก็บรักษา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่งที่ตลาดยังคงมีความต้องการและเติบโตได้ดี แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีการบริโภคเป็นประจำ ประกอบกับผู้เลี้ยงมีความเอาใจใส่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว ทำให้มีการซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงสำรองไว้เช่นเดียวกับสินค้าจำเป็นอื่นๆ สอดคล้องกับสถิติการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในไตรมาสแรกของปี 2563 (มกราคม-มีนาคม 2563) ที่มีมูลค่าส่งออกถึง 466.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 พบว่าขยายตัวกว่า 10%  

ขณะที่การส่งออกไปประเทศคู่ค้าสำคัญหลายตลาดขยายตัวอย่างน่าพอใจ เช่น อินเดีย ขยายตัว 52% มูลค่าการส่งออก 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐอเมริกา ขยายตัว19 % มูลค่าการส่งออก 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาเซียน ขยายตัว 13 % มูลค่าการส่งออก 111 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และออสเตรเลีย ขยายตัว 9 % มูลค่าการส่งออก 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญในกลุ่ม คือ อาหารสำหรับสุนัขและแมว มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุด 81%

นางอรมน กล่าวว่าว่า ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเพิ่มขึ้นแม้อยู่ในช่วงวิกฤต ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสขยายการส่งออกได้ โดยเฉพาะในตลาดคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอด้วย เพราะสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทยได้แต้มต่อในการแข่งขันจากการปลดล็อคกำแพงภาษีศุลกากร

ทั้งนี้ปัจจุบัน 15 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรูและฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยทุกรายการแล้ว มีเพียงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ที่ยังคงการเก็บภาษีนำเข้ากับไทยในบางรายการสินค้า

อย่างไรก็ตามผู้ผลิตและผู้ส่งออกควรศึกษาแนวโน้มและวางแผนการผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด โดยในช่วงโควิด-19 อาจเพิ่มปริมาณ เช่น ขยายขนาดบรรจุภัณฑ์ และแปรรูปสินค้า เช่น ผลิตเป็นอาหารสัตว์กระป๋อง เพื่อเพิ่มความสะดวกและยืดระยะเวลาในการเก็บรักษา

นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง รวมถึงต้องรักษามาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากลด้านสุขอนามัย และปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้าอย่างเคร่งครัด ให้สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง

ในปี 2562 ไทยมีมูลค่าส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงสูงถึง 1,693 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกไปประเทศคู่เอฟทีเอสูงถึง 954 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 4 ของโลก รองจาก สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน และเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมว อันดับที่ 3 ของโลก รองจาก สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา