posttoday

"รสนา"ชี้รัฐบาลปล่อยโรงกลั่นได้เงินกินฟรีแถมขึ้นราคาน้ำมัน

06 มกราคม 2563

"รสนา"ซัดรัฐบาลปล่อยโรงกลั่นกินฟรีค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันลิตรละ 47 สต. แถมปล่อยให้ขึ้นราคาน้ำมัน ทั้งที่เพิ่งประกาศลดราคาให้เป็นของขวัญปีใหม่

"รสนา"ซัดรัฐบาลปล่อยโรงกลั่นกินฟรีค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันลิตรละ 47 สต. แถมปล่อยให้ขึ้นราคาน้ำมัน ทั้งที่เพิ่งประกาศลดราคาให้เป็นของขวัญปีใหม่

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงการปรับขึ้นราคาน้ำมันโดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

“รัฐบาลไม่จัดการโรงกลั่นน้ำมันกินฟรีค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน47 สต./ลิตร กลับปล่อยให้ขึ้นราคาน้ำมัน50สต./ลิตร ทั้งที่สัญญาว่าจะลดราคาลิตรละหนึ่งบาทและตรึงราคาถึงวันที่10ม.ค. ใช่หรือไม่?”

ข่าวประกาศว่า วันที่ 6 ม.ค. 63 น้ำมันทุกชนิดขึ้นราคา 50 สต./ลิตร ยกเว้นอี85 ขึ้นราคา 30 สต./ลิตร ทั้งที่รัฐบาลประกาศให้ของขวัญปีใหม่ประชาชน ด้วยการลดราคาน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1บาท ตั้งแต่วันที่26ธ.ค 2562 - 10 ม.ค 2563 แต่กลับปล่อยให้โรงกลั่นรีบขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ50สต. ตั้งแต่วันที่6 มกราคมเสียแล้วละหรือ !?

ถ้าจำไม่ผิดมีการประกาศว่า นอกจากการลดราคาน้ำมัน 1บาท/ลิตรแล้ว จะมีการตรึงราคาน้ำมันตั้งแต่ 26ธ.ค 2562 - 10 ม.ค 2563 เว้นแต่กรณีตลาดโลกลดราคา โรงกลั่นจะลดราคาน้ำมันให้ แต่การให้ขึ้นราคาน้ำมัน จะเรียกว่าตรึงราคาได้ หรือไม่ อย่างไร ? ช่วยตอบที

ยิ่งกว่านั้น กรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)ปล่อยให้โรงกลั่นน้ำมันกินฟรีค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันลิตรละ 47 สตางค์ ตั้งแต่1 ก.ค 2562 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า6เดือนแล้ว กบง.ที่กินเบี้ยประชุมจากภาษีประชาชนรู้ร้อนรู้หนาวหรือไม่? กรณีที่เจ้าของภาษีถูกเอาเปรียบจากโรงกลั่นน้ำมันที่กบง.ต้องกำกับดูแล แต่เหตุไฉนกลับปล่อยให้โรงกลั่นขึ้นราคาน้ำมันหน้าตาเฉย แทนที่จะสั่งให้ลดราคาลง47 สต./ลิตร เสียก่อน และเรียกคืนเงินที่กินฟรีประชาชนไปลิตรละ 47 สต.เป็นเวลากว่า 6 เดือนมาลดราคาน้ำมันลงได้อีก ใช่หรือไม่?

พฤติกรรมของรัฐบาล และหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจน้ำมันของเอกชนดูจะคนละมาตรฐานที่ปฏิบัติต่อประชาชนเจ้าของภาษี แค่มีข่าวตลาดโลกขึ้นราคาก็ปล่อยโรงกลั่นขึ้นราคาได้ทันทีทันใด ส่วนที่เอกชนกินฟรีประชาชนไปกว่า6เดือน กลับไม่เร่งรีบช่วยเหลือ ย่อมทำให้ประชาชนเกิดคำถามว่า

รัฐกำกับเอกชนเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือทุนกำกับรัฐ เพื่อผลประโยชน์ของใครกันแน่ ใช่หรือไม่ !?