posttoday

"มนัญญา" สั่งกรมวิชาการเกษตร แจงปมเสนอยืดเวลาจัดเก็บ6เดือนหลังแบน3สาร มีผล 1 ธ.ค.

24 พฤศจิกายน 2562

อ้างเคลียร์สต็อก 3สารพิษ ไม่ทัน สงสัย สต็อกสารเหลือ เพิ่มลดฮวบฮาบ จาก3.8หมื่นตัน เป็น2.8หมื่นตัน จี้ถามทำไมประชุมเช้ายังยืนยันจัดเก็บคืนได้หมดภายใน30วัน

อ้างเคลียร์สต็อก 3สารพิษ ไม่ทัน สงสัย สต็อกสารเหลือ เพิ่มลดฮวบฮาบ จาก3.8หมื่นตัน เป็น2.8หมื่นตัน จี้ถามทำไมประชุมเช้ายังยืนยันจัดเก็บคืนได้หมดภายใน30วัน

น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าวันที่25พ.ย.นี้ตนจะสั่งการให้กรมวิชาการเกษตร ทำหนังสือชี้แจงโดยด่วนถึงข้อเสนอเรื่องการยืดเวลาบังคับใช้ในการจัดเก็บคืนสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 3ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ออกไปอีก180วัน หรือ 6เดือน

ทั้งนี้ ว่าจริงหรือไม่ ที่เสนอคณะทำงานหามาตรการช่วยเหลือเกษตรให้พิจารณา โดย อ้างว่ามีสตอกเหลือกว่า2.8หมื่นตัน หลังจากที่มีการประกาศแบน3สาร วันที่1ธ.ค.62

โดยให้กรมวิชาการเกษตร ชี้แจงมาโดยด่วน  ถึงเหตุผลในการยืดเวลาจัดเก็บสาร เพราะที่ผ่านมาได้ประชุมหลายครั้งไม่ได้มีการแจ้งจะยืดเวลาจัดเก็บสารแต่อย่างใด เป็นที่น่าสังเกตุในช่วงเช้าเมื่อวันที่22พ.ย.พี่ได้เรียกประชุมสารวัตรเกษตรทั่วประเทศกว่า300คน ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติในทุกขั้นตอนการจัดเก็บ3สารเคมี

พร้อมกันนี้ ยังได้ถามย้ำถึง3รอบและใกล้จบการประชุมยังถามย้ำอีกว่าใครมีปัญหาในการลงพื้นที่จัดเก็บสารเคมีหรือไม่ในเวลา 30 วัน และ ผู้บริหารกรมก็อยู่ ยกเว้นอธิบดี  เพราะมีการประกาศแบน3สารให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค.ต้องทำทันทีในการแจ้งครองครองสาร15วันและส่งมอบคืนใน15วัน 

"ทุกคนบอกไม่มีปัญหา แต่ปรากฏว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กรมวิชาการเกษตร มาเสนอที่ประชุมคณะทำงานพิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบเกษตรกรหลังเลิกใช้3สาร ที่มีปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นประธาน กลับมีการเสนอขอยืดเวลาการบังคับใช้แบน3สาร ไปอีก6เดือน อ้างว่า30วันจัดเก็บสารส่งคืนบริษัทไม่ทัน ทั้งนี้ยังมีเรื่องสตอกสารคงเหลือยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประชุมวันที่21พ.ย.รายงานเหลือ3.8หมื่นตัน มาอีกวันเหลือ2.8หมื่นตัน ดังนั้นกรมวิชาการเกษตร ต้องทำหนังสือชี้แจงมาทั้งหมด" รมช.เกษตรฯกล่าว

น.ส.มนัญญา กล่าวว่าตนจะมีหนังสือถามไปเรื่องเสนอยืดเวลาว่าทำไมตอนประชุมกรมวิชาการเกษตร ไม่มีการคัดค้าน ได้ถามถึง3-4ครั้ง มีปัญหาไหมในการจัดเก็บคืน ซึ่งสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง อยู่ฟังในห้องด้วยกันเป็นพยานได้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตร ต้องมีหนังสือมาตอบให้ชัดเจน และเป็นกรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน

อีกทั้งตัวเลขงบเยียวยาเกษตรกรกว่า3.2หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขที่ห่างไกลกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ของบในการดำเนินการเรื่องจักรกลการเกษตร มาช่วยลดต้นทุนทำเกษตร และมีความถาวร ซึ่งได้สอบถามความต้องการของเกษตรกรมาทั้งหมดเลย เป็นเกษตรกรแท้จริง มีตัวตน แท้จริง อยู่ที่ไหน ทำเพาะปลูกอะไร มีรายชื่อชัดเจน มีรายชื่อทุกสหกรณ์ ของบแค่200กว่าล้าน เกษตรกรกว่า1แสนคนเท่านั้น

รมช.เกษตรฯกล่าวว่าเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร เป็นผู้ปฏิบัติในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ติดปัญหาใดๆในการจัดเก็บ เป็นที่ยอมรับในที่ประชุมตอนเช้าวันที่22พ.ย. พอช่วงบ่ายกรมวิชาการเกษตร เปลี่ยนไปได้อย่างไรในเรื่องจัดเก็บสาร ทั้งที่สารวัตรเกษตร กว่า300คนบอกไม่มีปัญหา

ในฐานะดูแลกรมวิชการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติทุกพื้นที่  ไม่มีปัญหาใด แต่คณะทำงานที่ปลัดเกษตรฯเป็นประธานไปประชุมกันกลับเป็นอีกอย่าง ซึ่งไม่ทราบเช่นกันทำไมเปลี่ยนไป และยังไม่รู้ว่าจะนำเรื่องยืดเวลา6เดือน เข้าคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะประชุมวันที่27พ.ย.นี้ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธาน หรือไม่ จึงต้องเรียกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงจากกรมวิชาการเกษตร มาถึงตนในวันจันทร์นี้

“ทำมาสุดมือ ทำสุดเอื้อมเพื่อพี่น้องประชาชน รักษาพี่น้องคนไทย รักษาเกษตรกร ทำในฐานะที่ดูแล กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์  เพราะต้องการรักษาสุขภาพเกษตรกร รักษาสุขภาพคนไทยให้เป็นของขวัญปีใหม่ ไปเที่ยวกับครอบครัวทุกคนได้กินอาหารที่ปลอดภัยได้สูดอากาศบริสุทธิ์”น.ส.มนัญญา กล่าว

สำหรับกลุ่มที่โจมตีรมช.เกษตรฯว่าจัดตั้งม็อบเสื้อขาว ถามว่าทำไมต้องจัดตั้ง และที่บอกจัดตั้งคืออะไร ยังนำไปตีความเป็นม็อบเสื้อกาวน์ ทำไมจึงชอบไปตีความให้เกิดความแตกแยก อย่ามาถามว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะเป็นรัฐมนตรี  ตนไม่เคยก้าวล่วงใคร เพราะมีหน้าที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชน เกษตรกร ผู้บริโภค และทุกคนมีสิทธิในการคุ้มครองตัวเอง